Seminar 3a - www.drdino.com - Dr. Kent Hovind - Thai - สัมนาหมายเลข 3a - ดร.เค๊นท์ โฮวินด์ เป็นเวลานานหลายปี ที่คนคิดว่าฟอสซิลไดโนเสาร์ขัดแย้งกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล สวัสดีครับ ผมชื่อเอริค ขณะนี้คุณกำลังจะได้ชมการสัมนาที่ทรงพลัง... ซึ่งรวมผลมาจากการค้นคว้าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาของดร. เค๊นท์ โฮวินด์ ทางด้านสัตวพิศวงวิทยา ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ลี้ลับซ่อนเร้น หัวเรื่องสัมนาคือ "ไดโนเสาร์กับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล" แปลโดยสุรีย์ บราวน์ สัมนาหมายเลข 3a - www.drdino.com - ดร.เค๊นท์ โฮวินด์ - ภาษาไทย ขอบคุณที่เข้าร่วมสัมนาครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาพูดที่มลรัฐอินเดียน่าในวันนี้ ใครเคยฟังสัมนาหรือชมวิดิโอของผมมาแล้วครับ กี่คนยังไม่เคยครับ แล้วใครยังไม่เข้าใจคำถามครับ สามคนเดิมจากเมื่อวานเลย โอเคครับ ผมชื่อเค๊นท์ โฮวินด์ ผมสอนวิทยาศาสตร์ชั้นม.ปลายเป็นเวลาสิบห้าปี และช่วงสิบหกปีที่ผ่านมา ผมเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์ ผมให้สัมนาประมาณ 900 ครั้งต่อปี ในหัวข้อการเนรมิตสร้างของพระเจ้า วิวัฒนาการ และไดโนเสาร์ ผมเชื่อมั่นว่า พระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นความจริงตามตัวอักษรและถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ส่วนวิวัฒนาการที่สอนกันตามโรงเรียน โดยละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติเพิ่มเติมข้อแรกนั้น เป็นศาสนาที่โง่เง่าและเป็นอันตรายที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์โลก ผมอาศัยอยู่ที่เมืองเพ็นซาโคล่า มลรัฐฟลอริด้า มีบุตรสามคน เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วครับ ผมจัดให้ทุกคนแต่งงานไป สุนัขก็ตายไปแล้ว สรรเสริญพระเจ้าผมผ่านช่วงนั้นมาได้ ตอนนี้เป็นอิสระแล้วครับ ตอนนี้ผมกับภรรยามีหลานสี่คนซึ่งเป็นรางวัลจากพระเจ้า ที่เราไม่ได้ฆ่าลูกทั้งที่บางทีคุณก็อาจจะเคยคิด ขอให้คุณพ่อคุณแม่อดทนต่อไป รางวัลที่ได้คุ้มค่าครับ ทุกคนในครอบครัวอาศัยอยู่ใกล้ๆผม และทำงานรับใช้พระเจ้าร่วมกับผม เป็นสิ่งประเสริฐมากครับที่มีลูกที่รักพระเจ้า ลูกของผมสองคนอยู่ที่โต๊ะข้างหลังครับ อีกคนก็คุมกล้องอยู่ ติดกับบ้านเราที่เพ็นซาโคล่า ฟลอริด้า เรามีแดนผจญภัยไดโนเสาร์ ผมชอบไดโนเสาร์ เบอร์โทร.ของผมคือ 1-850-479-3466 เว็บไซท์ที่ www.drdino.com เบอร์โทร.แดนผจญภัยไดโนเสาร์คือ 1-850-478-3466 เราชอบไดโนเสาร์ มีผู้มาเยี่ยมชมแดนผจญภัยไดโนเสาร์เป็นหลายๆพันคน และประมาณเกือบพันคน ได้รับการช่วยให้รอดจากความบาป โดยผ่านทางแดนผจญภัยไดโนเสาร์ ทุกอย่างที่เราทำที่นั่นมีบทเรียนทางวิทยาศาสตร์ และทางจิตวิญญาณ เรามีความสุขสนุกสนานมาก ที่ได้ใช้ไดโนเสาร์เพื่อสง่าราศีของพระเจ้า ช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา คริสเตียน... สับสนมาก ว่าไดโนเสาร์เข้ากับคำสอนในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ตรงไหน เมื่อคืน ที่โรงแรม ผมเป็นพยานพระเจ้าต่อสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เธอกล่าวว่า "ดิฉันมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งบอกดิฉันว่า ไม่เคยมีไดโนเสาร์จริงๆ" คนหนึ่งก็บอกดิฉันว่า มารร้ายฝังกระดูกพวกนั้นลงในดินเพื่อหลอกพวกเรา คุณจะดูเป็นคนปัญญาอ่อนทันที ถ้าคุณพูดอย่างนั้นกับคนทั่วไป... ที่มีสติปัญญาระดับปกติ ใช่ครับ ไดโนเสาร์เคยมีชีวิตอยู่จริง เมื่อไรที่พวกมันใช้ชีวิตอยู่ และไดโนเสาร์เข้ากับพระคัมภีร์ได้ตรงไหน นี่หลานของผมสองคนกำลังเล่นกับไดโนเสาร์ ที่แดนผจญภัยไดโนเสาร์ เรามีความสุขสนุกสนานมาก บ่อยครั้งที่คริสเตียนสับสนมาก ว่าไดโนเสาร์เข้ากับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตรงจุดไหน ซึ่งเกิดขึ้นเพราะคริสเตียนอลุ้มอล่วย คำสอนที่ชัดเจนในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลให้เข้ากับเรื่องไดโนเสาร์ นี่คือสาเหตุที่มี "ทฤษฎีช่องว่างระหว่างยุค" หรือ "หนึ่งวัน หนึ่งยุค" หรือ "พระเจ้าทรงสร้างอย่างต่อเนื่่อง" หรือ "วิวัฒนาการโดยพระเจ้า" ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นสำหรับทฤษฎีเหล่านี้เลย เช้านี้ผมจะพูดถึงมุมมองจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเกี่ยวกับไดโนเสาร์ ชายผู้นี้กล่าวในนิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกว่า ไม่มีคนเคยเห็นไดโนเสาร์เป็นๆ เดี๋ยวนะครับ เขารู้หรือว่าเขาคิดว่าอย่างนั้นครับ เขาคิดเอาครับ ไม่มีทางที่เขาจะรู้อะไรทำนองนั้นได้ นอกจากว่าเขาจะถามทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่ คุณคิดว่าเขาได้คุยกับอาดัมและเอวา ก่อนหน้าที่เขาจะเขียนข้อความนั้นไหม เขาได้คุยกับคุณก่อนหน้าที่เขาจะเขียนไหมครับ เปล่าครับ เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆจะพูดได้ว่าเขารู้ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า "ในเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินโลก" (ปฐมกาล 1:1) และกล่าวว่า "ในหกวันพระเยโฮวาห์ทรงสร้างฟ้า และแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น" ถ้าพระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างภายในหกวัน อาดัมต้องเคยเห็นไดโนเสาร์ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ เมื่อวาน ระหว่างสัมนาภาค 2 เราพูดถึงสภาพที่สวนเอเดนเคยเป็น พระเจ้าตรัสว่า "จงให้มีพื้นอากาศในระหว่างน้ำ และจงให้พื้นอากาศนั้นแยกน้ำออกจากน้ำ" เราพูดถึงว่าเริ่มแรกนั้นพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลกโดยมี... หลังคาน้ำปกคลุมอยู่เหนือหัว ซึ่งได้ตกลงมาทั้งหมดแล้วเมื่อเกิดน้ำท่วมโลก ตอนนี้ไปหมดแล้วครับ และจริงๆแล้วน้ำที่ท่วมโลกส่วนใหญ่นั้นมาจากใต้เปลือกโลก เพลงสดุดีบท 24 วรรค 1 กล่าวว่า "แผ่นดินโลกเป็นของพระเยโฮวาห์... เพราะพระองค์เองทรงประดิษฐานแผ่นดินไว้... บนทะเลและทรงสถาปนามันไว้เหนือน้ำ" เพลงสดุดีบท 136 วรรค 6 กล่าวว่า "พระองค์ทรงกางแผ่นดินโลกออกเหนือน้ำทั้งหลาย" ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมคริสเตียนอ่านแล้วยังไม่รู้ว่าข้อความเหล่านี้หมายถึงอะไร น้ำที่อยู่ในมหาสมุทรในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่เคยอยู่ใต้เปลือกโลก น้ำใต้เปลือกโลกทั้งหมดถูกยิงออกมา เมื่อ"น้ำพุทั้งหลายที่อยู่ใต้บาดาล"พลุ่งขึ้นมา เราพูดถึงเรื่องนี้ในสัมนาหมายเลข 6 อะไรเป็นสาเหตุของน้ำท่วมโลกในสมัยท่านโนอาห์ เราเรียกว่าทฤษฎีโฮวินด์ คนอื่นจะได้ไม่ต้องถูกตำหนิเพราะทฤษฎีนี้ ตั้งแต่เวลาที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างโลกเมื่อ 6000 ปีก่อน จนกระทั่งน้ำท่วมโลกเมื่อ 4400 ปีมาแล้ว โลกนี้ต่างจากปัจจุบันมาก พระคัมภีร์กล่าวว่า ช่วงนั้นคนมีชีวิตอยู่เกิน 900 ปี เป็นความสัตย์จริงว่าพวกเขามีชีวิตอยู่จนอายุ 900 กว่าปี วัฒนธรรมโบราณหลายวัฒนธรรมมีเรื่องเล่าถึงช่วงที่เรียกว่า ยุคทองแห่งอดีต ชาวบาบิโลน ชาวสุเมอเรีย ชาวอียิปต์และเชื้อชาติอื่นๆ ล้วนกล่าวถึงช่วงเวลาที่คนมีชีวิตอยู่เกือบพันปี เพราะมันเป็นความจริง พวกเขามีชีวิตอยู่จนเกือบพันปี ในสัมนาหมายเลข 2 "สวนเอเดน" เราพูดถึงว่าสัตว์เลื้อยคลานเติบโตไปเรื่อยๆตลอดชีวิต สัตว์เลื้อยคลานไม่เคยหยุดการเจริญเติบโต ดังนั้นไดโนเสาร์จึงเป็นตะกวด จิ้งเหลนและกิ้งก่ายักษ์ ที่อาศัยอยู่ร่วมกับอาดัมและเอวาในสวนเอเดน ไดโนเสาร์ไม่ได้มีชีวิตอยู่เมื่อเป็นล้านปีมาแล้ว ดังนั้นคำถามที่เห็นกันจะๆก็คือว่า "ท่านโนอาห์ได้ขนไดโนเสาร์ขึ้นไปบนนาวาหรือเปล่า" มีคนถามคุณบิลลี่ แกรม ว่า "ตอนนั้นไดโนเสาร์อยู่บนนาวาโนอาห์หรือเปล่า" เขาตอบ "ไม่ครับ บนนาวาไม่มีไดโนเสาร์ เพราะพวกมันสูญพันธุ์ก่อนที่จะมีมนุษย์ครับ" ผมสรรเสริญพระเจ้าในสิ่งดีๆทั้งหมดที่คุณบิลลี่ แกรมได้ทำ แต่เขาผิดเต็มประตูในข้อนี้ครับ "ไดโนเสาร์เนี่ยนะอยู่บนนาวาโนอาห์" คนก็จะถามกัน ผมหวังว่าท่านโนอาห์ได้ขังนกหัวขวานอยู่ในกรงเหล็ก จุดนี้จะสำคัญในตอนหลังครับ คนถามว่า "ไดโนเสาร์นี่นะอยู่บนนาวา" เดี๋ยวนะคุณโฮวินด์ ไดโนเสาร์น่ะตัวมันใหญ่ไม่ใช่หรือ ตัวใหญ่ก็ตัวใหญ่ แต่ตัวเล็กก็ตัวเล็กครับ ดูนะครับ ท่านโนอาห์มีอายุตั้ง 600 ปีตอนที่ท่านต่อเรือใหญ่นั่น ท่านก็คงจะฉลาดพอที่จะไม่นำไดโนเสาร์ตัวใหญ่ที่สุดขึ้นไป คุณนำลูกอ่อนสองตัวขึ้นไป เช็คให้แน่ใจว่าตัวนึงตัวเมีย ตัวนึงตัวผู้ ตรงนี้จะมีความสำคัญในตอนหลัง โอเคนะครับ มีเหตุผลต่างๆนานาในการนำลูกอ่อนของสัตว์ขึ้นไปบนนาวา คุณนำลูกอ่อนเพราะพวกมันตัวเล็กกว่า ไข่ไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดนั้นยังเล็กกว่าลูกฟุตบอล คุณนำลูกอ่อนเพราะพวกมันมีน้ำหนักน้อยกว่า กินอาหารน้อยกว่า พวกมันนอนมากกว่าและทรหดกว่ากันเยอะ คุณทราบไหมครับ เวลาเด็กล้มลง พวกเขาจะเด้งดึ๋ง แล้วก็ลุกขึ้น และวิ่งต่อไป ผู้ใหญ่ล้มและแตกหักหรือแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้นสักพัก รวมทั้ง คุณนำลูกอ่อนเพราะว่า หลังจากน้ำท่วมสิ้นสุด พวกมันจะอยู่ได้นานมากกว่าเพื่อมีลูกมีหลาน และนั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่คุณนำสัตว์เหล่านั้นขึ้นไป ทำไมคุณจะนำช้างตัวใหญ่ๆขึ้นไปบนนาวา นั่นจะเป็นการกระทำที่โง่เง่าด้วยเหตุผลหลายประการ ทำไมคุณจะนำยีราฟตัวใหญ่ๆ แค่นำลูกอ่อนของสัตว์ทุกชนิดขึ้นไป พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์นำสัตว์อย่างละคู่ของทุกชนิด ไม่ใช่ทุกสปีซี่ส์ อย่างละคู่ของทุกชนิดครับ พระเจ้าทรงบัญชาว่า จงนำพวกมันตามชนิดของมัน ตามชนิดของพวกมัน ตามชนิดของมัน... พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้อย่างชัดเจนในข้อนี้ครับ คุณนำสัตว์ทุกชนิด ไม่ใช่ทุกสปีซี่ส์ครับ และแค่นำสัตว์ที่หายใจผ่านทางรูจมูกครับในบรรดาสัตว์บก ท่านโนอาห์ไม่จำเป็นต้องนำปลาขึ้นไปบนนาวา พวกมันมีน้ำเหลือเฟือนอกเรือครับ ท่านไม่จำเป็นต้องนำแมลงขึ้นไปบนนาวาเพราะแมลงไม่มีรูจมูก แมลงหายใจทางผิวหนัง ผ่านทางท่ออากาศฝอย แมลงไม่จำเป็นต้องอยู่บนนาวา แมลงสามารถรอดชีวิตผ่านน้ำท่วมได้สบาย คุณลองไปตามที่ที่เกิดน้ำท่วม หลังจากน้ำเพิ่งลดลงสิครับ เดินไปตรงโคลนเลน แล้วบอกผมสิ่งแรกที่คุณสังเกตเห็น แมลงเป็นล้านๆเลยใช่ไหมครับ แมลงไม่จำเป็นต้องขึ้นไปบนนาวา อาจจะมีบางตัวที่อยู่บนนั้นแต่พวกมันไม่จำเป็นต้องขึ้นไป ท่านโนอาห์ไม่ได้นำสุนัข 400 คู่ขึ้นไปบนนาวา เผลอๆท่านโนอาห์ไม่เคยเห็นพันธุ์ชิวาวาในชีวิต ทำไมนะคนเราจึงทำอย่างนั้นต่อสุนัขได้ ตลอดการเพาะและคัดเลือกสายพันธุ์ เพื่อก่อกำเนิดสุนัขที่ไร้ประโยชน์ 100 เปอร์เซ็นต์ ท่านโนอาห์คงนำแค่สุนัขทั่วๆไปอย่างสุนัขของผมชื่อนิกกี้ เราเลี้ยงนิกกี้มา 12 ปีก่อนที่ผมจะรู้ว่านิกกี้เป็นสุนัขประเภทไหน เพื่อนผมมาเยี่ยมและบอกว่า โฮวินด์ คุณมี"คานาร์ดลี่ย์" พันธุ์แท้เลยนะ ผมถาม อะไรนะ เขาบอก "หมาคุณน่ะ พันธุ์คานาร์ดลี่ย์" ผมถามว่า มันเป็นเรอะ เขาเฉลยว่า คุณ"แทบจะ"(พ้องเสียงคานาร์ดลี่ย์-ภาษาอังกฤษ)บอกไม่ได้ว่ามันเป็นหมาอะไร "คานาร์ดลี่ย์"พันธุ์แท้ ม้าและม้าลายอาจมีบรรพบุรุษร่วมกัน อย่างที่หนังสือเรียนนี้ของเม็กซิโกกล่าว และผมเห็นด้วย ม้าและม้าลายมีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่มันหน้าตาเป็นม้า "พลังขับเคลื่อนสี่ล้อ บุหนังแท้"-อุปกรณ์ม้าครบถ้วน คนที่ไม่เชื่อก็กล่าวว่า "โนอาห์บรรจุสัตว์เป็นล้านๆในนาวาได้อย่างไร" ข้อแรกนะครับ คุณนำแค่สัตว์บก ข้อสอง คุณนำแค่สัตว์ที่หายใจผ่านทางรูจมูก ไม่มีแมลง ข้อสาม คุณนำลูกอ่อนของสัตว์ คอมม่อนเซ้นส์ครับ ข้อสี่ คุณนำสัตว์เป็นคู่แต่ละชนิด ไม่ใช่แต่ละสายพันธุ์ พระเจ้าทรงสร้างชนิดต่างๆครับ และพระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่าให้ท่านต่อนาวาขนาดใหญ่เท่าไร ผมกล้าท้าคุณว่า พระเจ้าทรงดำริแล้วว่านาวาต้องมีขนาดเท่าไรและมีสัตว์กี่ตัว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจะบอกคุณว่า มีประมาณ 8,000 ชนิดพื้นฐานของสัตว์ต่างๆในโลกนี้ 8,000 ชนิดพื้นฐาน แต่ละชนิดโนอาห์มีหนึ่งคู่ บางชนิดเขามีอยู่เจ็ดตัว ผมเข้าใจครับ มีที่เหลือเฟือบนนาวาครับ ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้ากล่าวว่า อาดัมไม่สามารถตั้งชื่อสัตว์ทั้งหมดภายในวันเดียว เวลาผมตื่นเต้น ผมพูดได้ 350 คำต่อนาทีครับ ด้วยความเร็ว 300 คำต่อนาที คุณสามารถตั้งชื่อสัตว์ทั้งหมดภายใน 26 นาที หมา แมว ช้าง นิ่ม หนูแฮม ฯลฯ แถมคิดนะครับ อาดัมมีไอคิวสูงมาก เขาเกิดจากพระหัตถ์ของพระเจ้าโดยตรง โปรแกรมมาครบถ้วน คุณทราบไหมครับว่าเขาพูดได้ทุกภาษาในโลก ตอนนั้นมีแค่ภาษาเดียวครับ ชายผู้นี้สามารถเดิน พูด ตั้งชื่อสัตว์ทั้งหมด และแต่งงานได้ตั้งแต่วันแรกครับ เผลอๆอาดัมมีไอคิวสูงเว่อร์ครับ ตั้งชื่อสัตว์ทั้งหมดภายในครึ่งชั่วโมง ไม่มีปัญหาสำหรับอาดัม โอเคครับ พระเจ้าทรงมีอะไรอีกบ้างจะให้ข้าพระองค์จัดการ นาวานั้นมีขนาดใหญ่เท่าไรครับ ผมโต้วาทีกับผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า พวกเขากล่าวว่า "โนอาห์ไม่สามารถบรรจุสัตว์ทั้งหมดบนนาวา" ผมกล่าว"จริงหรือครับ มีสัตว์กี่ตัวครับ" เขาตอบว่า"เราไม่ทราบ" ผมกล่าว"นาวามีขนาดเท่าไร" "เราไม่รู้สิ... รู้แต่ว่าเขาทำไม่ได้" เข้าใจแล้วครับ เล่นกันอย่างนี้นี่เอง ข้อนี้ชนะสิ่งที่เขาเชื่อครับ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อ 18 - 20 พันล้านปีมาแล้วเกิดบิ๊กแบง ความสูญเปล่าได้ระเบิดและสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้น เมื่อ 4.6 พันล้านปีมาแล้วโลกเย็นตัวลง และเกิดเป็นเปลือกโลกหิน ดาวเคราะห์โลกเย็นตัวลงและพื้นผิวเป็นหินได้เกิดขึ้น และขณะที่โลกกำลังก่อตัว พื้นผิวก็ได้ร้อนขึ้นและมีบ่อใหญ่เต็มไปด้วยลาวาเดือดเป็นฟอง ตำราเรียนเล่มนี้กล่าวว่า "ไม่มีออกซิเจนบนโลก ศูนย์เปอร์เซ็นต์ออกซิเจน แต่หินได้ดูดกลืนมัน" ผมพยายามไขปริศนาข้อนี้มาสี่ปีแล้วครับ แล้ว"มหาสมุทรต่างๆก็ได้เกิดขึ้นเมื่อฝนตกลงบนหินเป็นล้านปี..." "ฝนตกกระหน่ำรุนแรงเป็นล้านปีก่อให้เกิดมหาสมุทรต่างๆ..." และ"ในมหาสมุทรก็มีซุปฟอง ประกอบด้วยสารเคมีโครงสร้างซับซ้อนหมุนวนอยู่..." "ความก้าวหน้าจากซุปสารเคมีโครงสร้างซับซ้อน ไปเป็นสิ่งมีชีวิตนั้นช้ามาก" แหม มันช้าจริงๆครับ มันไม่เกิดด้วยซ้ำไป ช้าขนาดนั้นเลยนะครับ "ชีวิตบนโลกนี้อาจเริ่มต้นในหินบนพื้นมหาสมุทร" ว้าว ชีวิตทั้งหมดมาจากก้อนหินครับ "ระบบแรกที่สามารถลอกแบบตัวเองได้คงต้องเกิดในซุปสารอินทรีย์นี้" เพราะฉะนั้น ตามทฤษฎีของพวกเขา เมื่อ 20 พันล้านปีมาแล้วเกิดบิ๊กแบง 4.6 พันล้านปีมาแล้วโลกก่อตัวขึ้น มันเป็นลูกหินร้อน แล้วก็เริ่มมีฝนตกลงมา ฝนตก ฝนตก และฝนตก แล้วในที่สุดมหาสมุทรก็เต็ม และในมหาสมุทร สิ่งมีชีวิตแรกก็ปรากฎขึ้น เพราะฉะนั้น ทวดของทวด ของทวด ของทวด ของทวด ของทวด ของทวดเป็นซุปครับ นั่นคือทฤษฎีวิวัฒนาการ ผมไม่ได้แต่งขึ้น พวกเขาทำครับ คุณจะหัวเราะพวกเขาก็ได้นะครับ ผมไม่ว่า ครั้งหนึ่งพวกเขาให้ผมมาพูดที่วิทยาลัยในบอสตัน ผมกำลังจะไปพูดที่โบสถ์ที่นั่น ผมกล่าว"ภราดร ช่วยโทรหาวิทยาลัยต่างๆ ว่าคุณจัดโต้วาทีให้ผมได้หรือเปล่า" ผมชอบโต้วาทีกับพวกเขาต่อหน้ามหาวิทยาลัยของพวกเขาเอง เขาก็โทรไปที่วิทยาลัยทุกแห่งในระยะร้อยไมล์ รอบๆบอสตันมีวิทยาลัยเยอะมาก สุดท้าย วิทยาลัยหนึ่งกล่าวว่า "ไม่เอา เราไม่อยากให้เขามาโต้วาที แต่เขาจะมาพูดกับนักเรียนก็ได้ โดยที่ศาสตราจารย์ของเราจะถามอะไรเขาก็ได้ เพราะเราอยากแสดงให้นักเรียนของเราเห็น ว่าพวกคุณคริสเตียนนั้นโง่เง่าแค่ไหน" ผมกล่าว "ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะมาทำการนี้ครับ" แล้วผมก็ไปปรากฏตัว มีศาสตราจารย์ 6 คนและนักเรียนทั้งหมดของพวกเขา ผมรู้สึกเหมือนเป็นท่านดาเนียลศาสดาพยากรณ์ในถ้ำสิงโต ผมโชว์โปสเตอร์แสดง 2 เส้นเวลาและกล่าว "คุณครับ ผมเชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล" ไม่มีใครเชียร์ครับ ผมกล่าวว่า ผมเชื่อว่าเมื่อ 6,000 ปีมาแล้ว พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างทุกสิ่ง 4,400 ปีมาแล้ว พระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลก และทุกสิ่งถูกทำลายในน้ำท่วมใหญ่นั้น โนอาห์มีสัตว์เป็นคู่ของทุกชนิด ไม่ใช่ทุกสปีซี่ส์ สัตว์เป็นคู่ของทุกชนิดอยู่บนนาวา หลังจากนั้นมามีหลายพันธุ์ใหม่ที่ถูกเพาะ แล้วผมก็บอกพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาเชื่อ นักวิวัฒนาการส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเชื่ออะไร คุณต้องบอกเขา ผมกล่าว "พวกคุณเชื่อว่าเมื่อ 20 พันล้านปีมาแล้วได้เกิดบิ๊กแบง 4.6 พันล้านปีมาแล้วโลกเย็นตัวลง ฝนตกลงบนหินเป็นล้านปี ทำให้มันกลายเป็นซุป และซุปก็มีชีวิตขึ้นเมี่อประมาณ 3 พันล้านปีมาแล้ว" มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่งโกรธมาก (ดูเหมือนว่าผมทำให้พวกเขาเกิดอาการอย่างนี้ครับ) เขากล่าว "คุณโฮวินด์ คุณรู้หรือเปล่าว่าปัจจุบันทั่วโลกมีสุนัขเกือบ 400 สายพันธุ์" ผมกล่าว "ท่านครับ ผมไม่ทราบว่ามีเท่าไร แต่ 400 สายพันธุ์ฟังดูใช้ได้" เขากล่าว "คุณกำลังบอกผมว่า คุณเชื่อว่าสุนัขทั้งหมดมาจากสุนัขสองตัวบนนาวาโนอาห์" "คุณอยากให้ผมเชื่ออย่างนั้นนะ" ผมตอบ "ท่านครับ จะดูสิ่งที่ท่านสอนนักเรียนไหมครับ" ท่านสอนนักเรียนของท่านว่าสุนัขทั้งหมดมาจาก--ก้อนหินครับ หลังจากนั้นเขาไม่มีคำถามอีกต่อไป ครั้งหนึ่งผมไปโต้วาทีที่มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งเดินลงมา เธอยัวะมาก ควันออกจมูกเลยครับ ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธผมมาก เธอเดินตรงมาที่ผม ผมอธิษฐาน "องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์จะกลับมาบ้านแล้ว" เธอท้าวสะเอว กล่าวว่า "คืนนี้คุณได้บอกทุกคนว่า พวกเราเชื่อว่ามนุษย์เรามาจากก้อนหิน พวกเราไม่ได้เชื่ออย่างนั้นนะ!" ผมกล่าว "มาดาม สงบลงหน่อยครับ คุณกำลังจะระเบิดฝาแล้วครับ" ผมกล่าว "มาดาม คุณเชื่อในวิวัฒนาการไหมครับ" เธอกล่าว "ใช่สิ ดิฉันเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยนี้" ผมกล่าว "มาดาม กรุณาบอกผมได้ไหมครับว่าคนเรามาจากไหน" เธอกล่าว "เรามาจากโมเลกุล-มาโคร" ผมกล่าว"สิ่งนั้นมาจากไหนครับ" เธอตอบ"จากมหาสมุทรต่างๆ ซุปก่อนกำเนิดสิ่งมีชีวิต" ผมกล่าว"สิ่งนั้นมาจากไหนครับ" เธอกล่าว"ฝนตกลงบนหินเป็นล้านๆปี..." ผมเห็นเธอค่อยๆกระจ่างว่าจริงๆแล้วเธอเชื่ออะไร "คุณรู้ไหม... จริงแล้วดิฉันเชื่อว่าดิฉันมาจากก้อนหิน" ใช่ครับมาดาม ระวังนะครับเวลาคุณออกไปข้างนอก ระวังอย่าเหยียบคุณปู่ครับ ผมพบวรรคที่บรรยายชีวิตเธอ (เยเรมีย์ 2:27) "ผู้ที่กล่าวแก่เสาไม้ว่า ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า และกล่าวแก่หินว่า ท่านคลอดข้าพเจ้ามา" นั่นคุณปู่ ก้อนหินตรงนั้นครับ ผมพบวรรคที่บรรยายชีวิตของพ่อผม (มัทธิว 17:15) "พระองค์เจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาแก่บุตรชายของข้าพระองค์ ด้วยว่าเขาเป็นคนบ้า มีความทุกข์เวทนามาก" พระคัมภีร์ (ปฐมกาล 6:11-12) กล่าว "มนุษย์โลกชั่วช้าและแผ่นดินโลกก็เต็มไปด้วยความอำมหิต... ...และพระเจ้าทอดพระเนตรบนแผ่นดินโลก และดูเถิด แผ่นดินโลกก็ชั่วช้า ...บรรดาเนื้อหนังได้กระทำการชั่วช้าบนแผ่นดินโลก" (ปฐมกาล 6: 13-14) "พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า ต่อหน้าเราบรรดาเนื้อหนังก็มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว... ...แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความอำมหิตเพราะพวกเขา... เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก เจ้าจงต่อนาวา..." และโนอาห์บอกกับลูกชายว่า "ลูกๆ ไปเอาไม้มา (go for-gopher wood) เราจะต้องต่อเรือกันแล้ว" ดังนั้นพวกเขาจึงไปขนไม้กันมาและต่อเรือเบ้อเริ่มลำนี้ หลังจากน้ำท่วมสิ้นสุดลง บุตรชายของโนอาห์คนหนึ่งมีบุตร เขาตั้งชื่อว่าอารฟัคชาด ทำมั้ยใครจะตั้งชื่อลูกว่า อารฟัคชาด คุณเห็นไหมครับ เด็กน้อยผู้น่าสงสารไปโรงเรียนอนุบาลและมีคนถาม "หนูชื่ออะไรครับ" อารฟัคชาดครับ "หนูรู้มั้ยว่าสะกดยังไง" ไม่ครับ ไม่มีใครทราบครับ คุณไม่คิดหรือครับว่า วันหนึ่งหนูน้อยอารฟัคชาดจะโตที่จะนั่งตักคุณปู่ และเขาก็มองไปรอบๆอย่างที่เด็กๆทำ เขาก็จะถาม "ปู่ครับ ผมมีคำถาม ทำไมคนบนโลกมีแต่พวกเราครับ" หมายความว่าทั้งโลกนี้เป็นของเราเลยหรือครับ เกิดอะไรขึ้นครับ คุณปู่ก็จะบอกเขาถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จริงๆแล้วพวกเขาคงจะคุยกันไปนานถึงเรื่องน้ำท่วมโลก ที่เพ็นซาโคล่า ฟลอริด้า เรากำลังจะคุยกันเรื่องพายุเฮอริเคนอิวาน... ไปอีกนาน นี่ขนาดเป็นแค่พายุเล็กๆ นึกถึงกรณีน้ำท่วมโลกออกไหมครับ พวกเขาจะคุยกันเรื่องนั้นเป็นหลายศตวรรษเลยครับ คุณพ่อของอารฟัคชาด ชื่อเชม(บุตรชายของโนอาห์) มีอายุยืนพอที่จะเล่าเรื่องนั้นแก่อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ด้วยตนเอง คุณจะไม่มีทางสังเกตเห็นถ้าคุณอ่านพระคัมภีร์เฉยๆ แต่ถ้าคุณวาดกราฟออกมาคุณก็จะเห็น คุณทราบไหมครับว่า ปัจจุบันนี้ยังมีหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ที่พูดถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลกคราวนั้น เท่าที่ทราบมีประมาณ 270 ตำนานเกี่ยวกับน้ำท่วมครั้งมโหฬาร ในประเทศและวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก ชาวฮาวายมีตำนานกล่าวว่า "เป็นเวลานานหลังจากที่มนุษย์คนแรกชื่อคูนีฮานนาได้เสียชีวิตลง... โลกได้กลายเป็นที่อยู่ที่ชั่วช้าและน่าสะพรึงกลัว มีมนุษย์เพียงคนเดียวที่เป็นคนดีชื่อนุอู เขาต่อเรือบดลำใหญ่พร้อมบ้านอยู่บนนั้น และเขาขนสัตว์ขึ้นไปเต็มลำเรือ น้ำเอ่อขึ้นมาทั่วโลกและมนุษย์ทั้งหมดเสียชีวิต มีแต่นุอูและครอบครัวที่รอดชีวิตอยู่ในเรือที่เต็มไปด้วยสัตว์ ฟังดูคล้ายเหตุการณ์น้ำท่วมโลกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลใช่ไหมครับ ชาวจีนมีตำนานเรียกว่า วรรณคดีอมตะไฮคิง พวกเขากล่าวว่า ฟูไฮเป็นบิดาแห่งชนชาติของเขา (ชายผู้นี้ที่เขาเรียกว่าฟูไฮคงจะเป็นท่านโนอาห์) เรื่องเล่าว่าฟูไฮ ภรรยาของเขา ลูกชายสามคน และลูกสาวสามคนรอดพ้นจากน้ำท่วมครั้งมโหฬาร คนที่มีชีวิตในโลกตอนนั้นมีแต่เขาและครอบครัว หลังจากน้ำท่วมครั้งมโหฬารนั้น พวกเขาก็สร้างประชากรใหม่บนโลก ชาวอินเดียนแดงเผ่าโทลเท็คในเม็กซิโกมีเรื่องน่าสนใจมาก พวกเขากล่าวว่าแผ่นดินโลกแรกอยู่นานถึง 1716 ปี มันถูกทำลายโดยน้ำท่วมที่ปกคลุมถึงเทือกเขาสูงที่สุด ครอบครัวหนึ่งชื่อค็อกซค็อกซ์รอดชีวิต 1716 ปีหรือครับ เทียบกับ 1656 ปีจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ตั้งแต่วันสร้างโลกถึงน้ำท่วมโลก ไม่เลวเลยสำหรับตำนานเล่าขานมากว่า 4000 ปี คำถาม ทำไมมีตำนานเกี่ยวกับน้ำท่วมโลกถึงเกือบ 300 ตำนาน ผมคิดว่าเพราะเคยเกิดน้ำท่วมโลกครับ นั่นคือทฤษฎีของผม เผลอๆตำนานเกี่ยวกับแอตแลนติสและทุกคนที่ตามหา... ทวีปแอตแลนติสที่สาบสูญไปนั้น อาจจะเป็นอีกตำนานเกี่ยวกับน้ำท่วม ในสายตาของคนบนเรือ โลกทั้งโลกจมลงไปใต้คลื่นน้ำ ที่จริงคนบนเรือลอยขึ้นครับ ไม่ใช่โลกต่ำลง ผมคิดว่าแอตแลนติสเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำท่วมอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าคุณดูที่ประเทศตุรกี สุดทางตะวันออกคุณจะเห็นภูเขาชื่ออารารัต ห่างจากชายแดนรัสเซียเพียง 12 ไมล์ เป็นบริเวณที่่ขาดเสถียรภาพทางการเมืองมาก เรียกว่า"โนอาห์ อังกัมจิ"บนแผนที่ของตุรกี ซึ่งแปลว่า"เรือใหญ่ของโนอาห์" มีป้ายเขียนไว้ คุณสามารถขับขึ้นไปถึง "เรือใหญ่ของโนอาห์" ไปทางนี้ 5 ก.ม. พระคัมภีร์กล่าวว่า นาวาค้างอยู่(บนเทือกเขาอารารัต)ในเดือนที่เจ็ด จุดนี้น่าสนใจครับ ท่านโนอาห์ไม่ได้ออกไปจากนาวาจนกระทั่งเดือนที่ 13 ทำไมท่านจึงอยู่ในนาวาอีกห้าเดือนครึ่ง หลังจากที่นาวาค้างอยู่(บนเทือกเขา)ครับ เราครอบคลุมเหตุผลทั้งหมดในสัมนาหมายเลข 6 "ทฤษฎีโฮวินด์"ครับ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า ในเดือนที่เจ็ดนาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต(พหูพจน์) พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวว่านาวาค้างบนภูเขาอารารัต อ่านดูดีๆครับ ไม่ได้กล่าวอย่างนั้นนะครับ พระคัมภีร์กล่าวว่านาวาค้างบนเทือกเขาอารารัต จริงๆแล้วมีทฤษฎีประมาณสี่ข้อ เกี่ยวกับว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาวาโนอาห์ ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า พวกเขาแยกชิ้นส่วนเรือและใช้ไม้สำหรับสร้างบ้าน ทฤษฎีที่สองกล่าวว่ามันย่อยสลายไปแล้ว ทฤษฎีที่สามกล่าวว่ามันยังอยู่บนภูเขา และทฤษฎีที่สี่กล่าวว่ามันอยู่ในหุบเขา พวกที่คิดว่ามันอยู่บนภูเขาก็ขึ้นไปบนนั้นทุกๆสองปี เป็นทีมงานและกระบวนการใหญ่ พวกเขาไต่เขากัน และทุกคนก็กลับมาบอกว่าพวกเขาเกือบหานาวาเจอแล้ว ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเกือบจะหาอะไรเจอแล้ว เขาพูดกันอย่างนั้น มันอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้ ผมไม่ทราบ แต่นั่นไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับผม แต่อีกกลุ่มหนื่งก็กล่าวว่า "พรรคพวก มันไม่ได้อยู่บนภูเขา มันอยู่ในหุบเขาไกลออกไป 17 ไมล์ และพวกเขาคิดว่านาวาโนอาห์อยู่ตรงนั้น เป็นวัตถุรูปเรือ สัณฐานคล้ายหยดน้ำตา ในค.ศ.1960(พ.ศ.2503) สิ่งนี้ถูกค้นพบด้วยเครื่่องบินลาดตระเวนระยะสูง ในค.ศ.1978(พ.ศ.2521) เกิดแผ่นดินไหว วัตถุนี้ถูกยกขึ้นหรือแผ่นดินยุบตัวลง ผลออกมาเหมือนกัน ขณะนี้วัตถุนี้ยื่นออกมาจากพื้นดินประมาณ 18 ถึง 20 ฟุต(5.8 เมตร) คุณรอน ไวแอ็ตต์เสียชีวิตในค.ศ.1999(พ.ศ.2542) เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม เขาและอีกหลายคนได้ใช้เวลาหลายปี เพื่อศึกษาสิ่งนี้ที่พวกเขาคิดว่าเป็นนาวาโนอาห์ อย่างที่ผมพูดครับ ผมไม่ทราบ สำหรับผมมันไม่สำคัญหรอกว่าตอนนี้นาวาอยู่ไหน นักทฤษฎีพระเจ้าสร้างโลกบางคนไม่พึงพอใจเป็นอันมาก ถ้าใครเอ่ยว่าอาจจะมีทฤษฎีอื่นนอกไปจากทฤษฎีของพวกเขา ดูนะครับ วิธีของผมในการศึกษาเรื่องใดก็ตามก็คือ ถ้ามีมากกว่าหนึ่งตัวเลือกก็บอกตัวเลือกทั้งหมดแก่ทุกคน ถ้ามีหลากหลายทฤษฎีในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ก็ลงมือค้นคว้่าด้วยตัวคุณเองเลยครับ ผมคิดว่าคุณควรพิจารณาตัวเลือกทั้งหมด คุณริชาร์ด รีฟส์สานงานต่อจากคุณรอน ไวแอ็ตต์ นี่เขาอยู่ข้างหน้าแบบจำลองนาวาโนอาห์ พวกเขากล่าวว่านาวาตัวจริงได้พังทลายลงไปแล้ว ชัดเจนละครับที่เรือเก่าขนาดนั้นจะยวบลงและกางออกด้านข้าง คือแบะแตกออก ข้อโต้แย้งข้อหนึ่งที่ผู้เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าใช้ก็คือ มันกว้างเกินกว่าจะเป็นนาวาโนอาห์ แน่นอน มันกว้างเกินไป เรือทุกลำพังอย่างนั้น มันพังออกครับ ถ้าคุณไปเห็นเรือผุพังสักลำ คุณจะเห็นว่ามันเกิดอย่างเดียวกันขึ้น ผลจากการสแกนเรดาร์์แสดงให้เห็นว่ามันมีโครงไม้พื้นเรือ ไม้พื้นเรือชิ้นใหญ่ๆอยู่ในนั้น ในโครงสร้างใหญ่อะไรสักอย่าง พวกเขาพบหมุดเหล็กด้วยเช่นกัน นาวาถูกตรึงเข้าด้วยกันโดยใช้หมุด พวกเขารู้เรื่องเหล็กในสมัยนั้น ไม่เป็นปัญหาครับ คุณดูหมุดเหล่านั้นได้ที่พิพิธภัณฑ์ไวแอ็ตต์ ทางใต้ลงมาจากแน็ชวิลล์ มลรัฐเท็นเนสซี www.wyattmuseum.com พวกเขาใช้ไม้แผ่น ติดกาวไม้กระดานสามแผ่นเข้าด้วยกันโดยใช้ยางดำ ยางดำนั้นทำจากยางไม้ ทำเหมือนไม้กระดานบอร์ด ไม้ชั้นหนามากและไม่มีลายในเนื้อไม้... เหมือนกับว่าต้นไม้เหล่านั้นไม่ได้โตเป็นฤดูกาล(แต่โตตลอดปี) พิพิธภัณฑ์ไวแอ็ตต์อยู่ในตึกที่เคยเป็นปั๊มน้ำมัน ใต้ลงมาจากแน็ชวิลล์ ทางออกหมายเลข 27 อยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของทางออก คุณแวะหาพวกเขาได้ ภรรยาของคุณรอน ไวแอ็ตต์ ชื่อคุณแมรี่ เนลล์ เขียนหนังสือชื่อว่า "วัตถุรูปทรงนาวาบนเขาวันพิพากษา" เกี่ยวกับงานวิจัยทั้งหมดที่เธอและสามีได้ทำ เห็นได้ชัดว่านาวาขึ้นไปค้างอยู่ใกล้ภูเขาอารารัต ติดอยู่ในโคลน แล้วทุกคนก็ออกจากนาวา ไปที่อื่นกันหมด หลังจากนั้นมีโคลนหรือลาวาไหลมา ผลักนาวาต่ำลงไปและทำให้ท้องเรือแตกออก ไม้ที่เคยเป็นสันตามยาวเรืือและมีอับเฉาถ่วงให้ลำเรือตั้งตรงนั้น... ไม้นั้นได้หักออกและพบอยู่บนภูเขา นาวาได้เลื่อนตำแหน่งไปหลายไมล์จากจุดที่มันเคยอยู่ มันเคยอยู่ที่นี่ครับ ทางด้านซ้าย ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อคาซาน ภาษาตุรกีแปลว่า "หมู่บ้านแห่งคนทั้งแปด" "หมู่บ้านแห่งคนทั้งแปด" เดี๋ยวนะครับ มีอยู่แปดคนในเรือครับ เห็นได้ชัดว่านาวาได้เลื่อนลงไปจากตำแหน่งที่มันเคยอยู่ รัฐบาลตุรกีทำการศึกษาทั้งหมดนี้และสรุปว่ามันเป็นนาวาโนอาห์ พวกเขาสร้างศูนย์นักท่องเที่ยวที่นั่นด้วยครับ บางคนกล่าวว่านี่ไม่ใช่นาวาโนอาห์ เป็นแค่วัตถุรูปเรือ แค่หินถ่วงเรือ... ...ที่มีลักษณะการไหลรอบๆวัตถุคงที่ เมื่อโคลนไหลรอบวัตถุ จะทำให้เกิดรูปหยดน้ำตา คล้ายปีกเครื่องบิน แต่ปลายแหลมของหยดน้ำตาจะอยู่ด้านปลายน้ำเสมอ ส่วนด้านมนจะอยู่ทางต้นน้ำเหมือนปีกเครื่องบิน สิ่งนี้กลับด้านกันครับ ในบริเวณนั้นมีลักษณะการไหลรอบวัตถุคงที่ แต่นี่ไม่ใช่ครับ ชายผู้หนึ่งแย้งว่ามันเป็นแค่ป้อมปราการ ใครครับจะสร้างป้อมใต้เนินเขา ข้าศึกจะได้ปาก้อนหินเข้าไปข้างในได้ นักทฤษฎีพระเจ้าสร้างโลกบางคนกล่าวว่านี่ไม่ใช่นาวาโนอาห์ พวกเขาโกรธเพียงแค่ผมเอ่ยถึงที่นี่ ผมจะเอ่ยถึงมันต่อไป จนผมเริ่มทำงานให้พวกคุณ แล้วผมค่อยหยุดนะครับ พระคัมภีร์กล่าวว่า นาวายาว 300 คิวบิต(140 เมตร) หนึ่งคิวบิตยาวเท่ากับข้อศอกถึงปลายนิ้วมือ ผมสูงหกฟุตหนึ่งนิ้ว หนึ่งคิวบิตของผมยาว 21 นิ้ว(53 ซ.ม.) ค่าเฉลี่ยหนึ่งคิวบิตมาตรฐานของอียิปต์คือ 20.65 นิ้ว(52 ซ.ม.) สั้นกว่าผมนิดเดียว วัตถุรูปเรือนั้นยาว 515 ฟุต(157 เมตร) เท่ากับ 300 คิวบิตอียิปต์ แต่นั่นไม่ได้พิสูจน์ว่ามันเป็นนาวาโนอาห์ ที่น่าสนใจก็คือ มันมีขนาดถูกต้อง ประมาณสองในสามของขนาดเรือไททานิค ยาวประมาณสองสนามฟุตบอล เป็นเรือขนาดใหญ่ใช้ได้ ในบริเวณนั้นในหมู่บ้านคาซาน พวกเขาพบหินก้อนยักษ์สองก้อน หนัก 9,000 ปอนด์ (4,000 ก.ก.)ต่อก้อน แต่ละก้อนมีรูหนึ่งรูใกล้ตอนบนสุด เห็นได้ชัดว่าหินเหล่านี้มีไว้สำหรับแขวนข้างลำเรือ ที่เขาเรียกว่าหินสมอหรือหินถ่วง และรูที่อยู่ใกล้ตอนบนสุดนั้นเป็นรูโค้ง ผมเจาะรูมามากมายในชีวิต ปลูกตึกและก่อสร้างมาก็เยอะ... ผมไม่ทราบว่าคุณจะเจาะรูโค้งในก้อนหินได้อย่างไร แต่นั่นครับรูโค้งอยู่ตรงนั้น เมื่อทะเลกาลิลีน้ำงวดลง สิบปีมาแล้ว สิ่งต่างๆที่ไม่เคยปรากฎเป็นหลายศตวรรษก็ผุดออกมาให้เห็น รอบบริเวณนั้นพวกเขาพบหินมีรู ก้อนเล็ก เป็นหลายร้อยก้อน การถ่วงหินข้างเรือเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในแถบที่มีพายุเช่นนั้น ทำให้เรือทรงตัวมั่นคง หินเหล่านั้นช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับเรือ ถ้าคลื่นลมแรง ก็หย่อนหินเหล่านั้นลงไปในน้ำ คุณก็จะมีสมอเรือ หลายคนเชื่อว่า หินสองก้อนนั้นเป็นหินถ่วงหรือหินสมอเรือของนาวาโนอาห์ หินเหล่านี้ทำให้เรือมั่นคงระหว่างมีพายุ ราวกับคุณตรึงเรือไว้กับน้ำ ถ้าคุณนึกภาพออกนะครับ ถ้าคลื่นลมแรงมาก หินเหล่านั้นก็จะลากไปข้างหลังเรือ คราวนี้เรือก็จะอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับคลื่น ทำให้เรือไม่คว่ำ คนที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าคนหนึ่งเขียนถึงผมว่า "โฮวินด์ ผมได้ยินจากสัมนาของคุณเกี่ยวกับนาวาโนอาห์ ... มีหินแขวนอยู่ข้างเรือ คุณนี่ช่างโง่เง่า คุณไม่รู้หรอกเรอะว่าถ้าเรือมีหินแขวนอยู่รอบๆ ท่านโนอาห์จะไปได้ช้าลง!" ผมเขียนตอบไปว่า "ท่านโนอาห์กำลังจะไปไหนครับ" ตอนนั้นไม่มีที่จะไปครับ โลกทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ ท่านโนอาห์เพียงแต่ลอยเรือครับ เห็นไหม โนอาห์ คำสั่งง่ายมาก ลงเรือ นั่งลง ลอยเรือ จอดเรือ และออกมา คุณไม่ต้องไปที่ไหน ไม่มีการแล่นเรือใบ ไม่ต้องบังคับทิศทางเรือ คนที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าอีกคนกล่าวว่า "เรือใบนั้นมีหกเสาิและมันรั่วอย่างร้ายกาจ... เนื่องมาจากการบิดตัวของใบเรือ" นาวาโนอาห์ไม่มีใบเรือครับ มันถูกออกแบบมาให้ลอยแค่นั้นเอง บางคนคิดว่านาวาโนอาห์อาจมีสระจันทร์อยู่ตรงกลาง เพราะเรือยาวอย่างนั้นมักจะมีปัญหาในการแล่นไปบนคลื่น มันมีแนวโน้มที่จะยกตัวขึ้นและปลายเรือก็จะเป็นอันตราย มันมีแนวโน้มที่จะงอหรือหักกลางลำเช่นกัน ถ้านาวาโนอาห์มีสระจันทร์ ปัญหาข้อนั้นก็จะหมดไป สระจันทร์เป็นบ่ออยู่ตรงกลางเรือ ยามคลื่นขึ้นลง น้ำก็ขึ้นลงอยู่ในใจกลางบ่อนั้น โดยมีผนังบ่อกั้นอยู่ในเรือ เขาเรียกสิ่งนี้ว่าสระจันทร์ครับ น้ำจะขึ้นลงในสระจันทร์ทุกครั้งที่เรือแล่นบนคลื่น มันทำหน้าที่เหมือนแกนเข็มฉีดยายักษ์ ปั๊มอากาศภายนอกเข้าออกเรือทุกครั้งที่เรือแล่นบนคลี่น บางครั้งคุณอาจอธิษฐานให้มีคลื่นลมดีด้วยซ้ำไป "พระองค์เจ้าเจ้าข้า ข้าพระองค์กำลังจะให้อาหารช้าง ขอพระองค์ทรงประทานคลื่นด้วยเถิด" เกิดอะไรขึ้นกับไดโนเสาร์เมื่อท่านโนอาห์ออกมาจากนาวาครับ คุณก็ทราบ คำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับไดโนเสาร์ถูกใช้ในโรงเรียนมาเป็นเวลานาน... เพื่อเริ่มบทสนทนาเกี่ยวกับวิวัฒนาการ เครื่องมือโปรดอันหนึ่งที่ซาตานชอบใช้คือไดโนเสาร์ เพราะเด็กๆชอบไดโนเสาร์ ครั้งหนึ่งผมไปพูดกับเด็กป.หนึ่ง 300 คนในโรงเรียนรัฐบาล คุณลองทำดูนะครับ ผมขับรถบัสให้โบสถ์เป็นเวลา 17 ปี ผมสอนเด็กที่โบสถ์ 17 ปีเช่นกัน ในห้องนั้นที่ผมไปพูดมีเด็กป.หนึ่ง 300 คน ผมหยิบไดโนเสาร์ออกมาและถามว่า "เด็กๆครับ ผมมีคำถาม ไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่เมื่อไรครับ" ทันใดนั้นเด็กทั้งหมดตะโกนตอบว่า "เป็นล้านๆปีมาแล้ว" ผมคิดเลยครับ เอ๊ะ เด็กพวกนี้เพิ่งอยู่ชั้นป.หนึ่งเอง แทบจะอ่านหนังสือไม่ออก ทำไมพวกเขาถึงเชื่ออย่างนั้นแล้ว คริสเตียนที่สอนความจริงเกี่ยวกับการเนรมิตสร้างโลกของพระเจ้า ไปอยู่ที่ไหนกัน ทำไมเรารอจนความคิดของเด็กๆเป็นมลภาวะด้วยวิวัฒนาการ แล้วค่อยพยายามที่จะนำพวกเขากลับมา ทำไมเราไม่คิดที่จะไม่สูญเสียพวกเขาไปตั้งแต่เริ่มแรก ทำไมไม่มีคำตอบจากคริสเตียนเกี่ยวกับเรื่องไดโนเสาร์ สิ่งที่คริสเตียนทำในช่วงค.ศ.1800 กว่าๆ(พ.ศ.2343-2442) คือประนีประนอมคำสอนในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พวกเขาตั้ง"ทฤษฎีช่องว่างระหว่างยุค"ขึ้น เพื่อให้เข้ากับเรื่องไดโนเสาร์ พวกเขายกไดโนเสาร์ให้ซาตานเอาไปใช้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ มีทฤษฎีทางวิวัฒนาการอยู่สิบหกข้อ เกี่ยวกับว่าเกิดอะไรขึ้นกับไดโนเสาร์ ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนคาบสมุทรยูคะทานในเม็กซิโก และฆ่าไดโนเสาร์ทั้งหมดเมี่อ 65 ล้านปีมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่นี่ครับในอินเดียน่ากล่าวว่า ไดโนเสาร์ตายเพราะการผายลมของพวกมันเอง พวกมันไม่สามารถทนความร้อนนั้นได้ ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับทฤษฎีเทือกนี้ นี่ครับสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ การสูบบุหรี่ครับ อะไรทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ครับ คุณทราบไหมครับว่าพวกเขาถามคำถามผิด คำถามไม่ใช่ว่า "อะไรทำให้พวกมันสูญพันธุ์" คำถามคือ "พวกมันสูญพันธุ์ไปหรือเปล่า" พวกเสรีนิยมนี่เก่งนะครับในการทำให้เราโต้แย้งผิดประเด็น พวกเขาถามผมเสมอว่า "สมควรไหมที่เราจะให้มีการสอนถึงการเนรมิตสร้างของพระเจ้าในโรงเรียนรัฐบาล" เป็นคำถามที่ดีครับ ผมยินดีที่จะอภิปรายในหัวข้อนั้น แต่ก่อนอื่นมีอีกคำถามที่เราควรจะถาม คำถามที่แท้จริงคือ "สมควรไหมที่เราจะมีโรงเรียนรัฐบาล" ทำไมเราไม่โต้แย้งคำถามนี้สักพักก่อน ถ้าเราตัดสินใจว่าควรมีโรงเรียนรัฐบาล แล้วเราค่อยมาอภิปรายว่าสอนอะไรได้ในโรงเรียนเหล่านั้น ใครครับเป็นคนตัดสินใจว่าจะสอนอะไรในโรงเรียนรัฐบาล ใช่บิล คลินตันตัดสินใจว่าจะสอนอะไร หรือโอซาม่า บิน ลาเด็นตัดสินใจครับ สมควรไหมที่คุณเป็นคนตัดสินใจว่าจะสอนอะไร หรือสมควรไหมที่ผมตัดสินใจ ปัญหาทั้งหมดคือ คนบางคนมีความคิดที่โง่เง่าว่าเด็กๆเป็นของรัฐบาล ไม่ ไม่ ไม่ใช่ครับ เด็กๆเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงวางพระทัยให้บิดามารดาดูแล บิดามารดาควรตัดสินใจว่า พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้สอนอะไรแก่พวกเขา ส่วนรัฐบาลนั้นมันไม่เคยมีบุตรครับ มันเป็นหมัน มันมีลูกไม่ได้ พวกเขาต้องการโขมยลูกของคุณ กฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติเพิ่มเติมข้อสิบกล่าวว่า รัฐบาลกลาง... มีอำนาจจำเพาะเจาะจงที่จำกัดมาก นอกเหนือจากนั้นให้ขึ้นอยู่กับมลรัฐต่างๆ รัฐบาลกลางไม่มีธุระยุ่งเกี่ยวกับการศึกษา... หรือสวัสดิการสังคม หรือบรรเทาทุกข์พายุเฮอริเคน หรือสิ่งอื่นๆ ถ้าคุณอยากทราบว่าทำไมโรงเรียนจึงกลายเป็นโรงเรียนรัฐบาล มีหลายข้อเขียนให้คุณอ่านครับ ข้อเขียนหนึ่งโดยคุณแซเมียล บลูเมนเฟลด์ ยอดเยี่ยมมากครับ จะบอกคุณว่าทำไมเรามีระบบโรงเรียนรัฐบาล มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อ"ระเบียบใหม่ของโลก" ชิ้นส่วนใหญ่ของแผนเลยครับ ลงเรียนวิชาระดับวิทยาลัยของเรา CSE 102 ผมสอนหลายวิชาระดับวิทยาลัยเกี่ยวกับการเนรมิตสร้างของพระเจ้า มีรายละเอียดเยอะกว่านี้มาก ในนั้นผมลงรายละเอียดทุกอย่าง คุณลงเรียนได้ถ้าคุณมีเวลา ไดโนเสาร์ที่ออกมาจากนาวาประสบความลำบากมากครับ ภูมิอากาศเปลี่ยนไป โลกไม่เหมือนเดิม จำได้ไหมครับ ก่อนน้ำท่วมโลกคนมีชีวิตอยู่เป็น 900 ปี อ่านพระคัมภีร์นะครับ หลังน้ำท่วมโลก พวกเขามีชีวิตอยู่แค่ 400 ปีและ 200 ปีแล้วก็ 100 ปี บางสิ่งได้เปลี่ยนไป อย่างหนึ่งก็คือหลังคาน้ำเหนือหัวได้หายไปแล้ว ดินก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุอย่างที่มันควรเป็น เพื่อที่พืชพันธุ์จะได้เติบโตอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ความดันบรรยากาศเปลี่ยนไป หลังคาน้ำได้ทลายลง ผมเชื่อว่ามันหายไปทั้งหมด แสงแดดก็ส่องผ่านลงมาพร้อมกับรังสีที่เป็นอันตราย ฯลฯ ที่ไม่เคยผ่านทะลุลงมา สิ่งแวดล้อมหลังน้ำท่วมโลกมีปัญหามากมายครับ ไดโนเสาร์มีปัญหาอยู่สองประการ ประการแรก ภูมิอากาศได้เปลี่ยนไป ประการที่สอง เผลอๆร้ายยิ่งกว่าข้อแรก คนล่าไดโนเสาร์ คนฆ่าพวกมันครับ ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เรียกมันว่าไดโนเสาร์ เขาเรียกมันว่ามังกรครับ คำว่าไดโนเสาร์ไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นจนกระทั่งค.ศ.1841(พ.ศ.2384) ดังนั้นช่วงเวลาส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ สัตว์เหล่านี้มีชื่อเรียกว่า มังกร พจนานุกรมในค.ศ.1891(พ.ศ.2434) ยังไม่มีคำว่าไดโนเสาร์ด้วยซ้ำไป ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มันเป็นที่รู้จักกันในนาม มังกร พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึงมังกร 34 ครั้ง คนกล่าวกันว่า"ทำไมไม่มีไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล" ผมคุยกับสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่เคาน์เตอร์ที่โรงแรม เธอกล่าวว่า ไม่มีไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ผมกล่าวว่า ถูกต้องครับ คำว่าไดโนเสาร์ไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นจนค.ศ.1841(พ.ศ.2384) ถ้าคุณมีพระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับที่ถูกต้อง ฉบับนั้นแปลในค.ศ.1611(พ.ศ.2154) แน่นอนคุณก็จะไม่เห็นคำว่าไดโนเสาร์ในนั้น เขาเรียกพวกมันว่ามังกรครับ พจนานุกรมในค.ศ.1946(พ.ศ.2489) ระบุคำว่ามังกรว่า "ปัจจุบันนี้หายาก" หลังน้ำท่วมโลก เมื่อประชากรมนุษย์เริ่มเพิ่มขึ้น ประชากรมังกรก็เริ่มลดลง เพราะไม่มีใครอยากมีบ้านติดกับมังกร เหตุการณ์เช่นเดียวกันเกิดขึ้นที่ค็อบเคาน์ตี้ มลรัฐจอร์เจีย ที่เมืองแอตแลนต้าตั้งอยู่ในปัจจุบัน คุณทราบไหมครับว่าปัจจุบันมีหมีกริซลี่ย์กี่ตัวอยู่ใกล้แอตแลนต้า จอร์เจีย? ศูนย์ตัวครับ คุณทราบไหมครับว่าแค่สามร้อยปีก่อนมีอยู่กี่ตัว? หลายร้อยตัวครับ เกิดอะไรขึ้นกับหมีกริซลี่ย์ในค็อบเคาน์ตี้ จอร์เจีย เมื่อคนย้ายมาและพัฒนาพื้นที่ สัตว์ใหญ่สัตว์ดุร้ายก็ถูกฆ่าหรือถูกขับไล่ไปหมด เกิดขึ้นทุกที่ครับ ถ้าข่าวช่วงหัวค่ำออกมาว่า มีหมีกริซลี่ย์ 5 ตัวเดินพล่านอยู่ทั่วค็อบเคาน์ตี้... คุณทราบไหมครับว่าไม่เกินหกโมงเช้า จะเกิดอะไรขึ้น? หมีทั้งหมดม่องเท่งครับ เพราะว่าพวกเหยียดสีผิวทุกคนในสี่มลรัฐจะคว้าปืนไรเฟิลออกไป พยายามยิงให้ได้สักตัว ใช่ไหมครับ และใครก็ตามที่ยิงหมีตัวใหญ่ที่สุดก็จะเป็นวีรบุรุษ ภาพถ่ายของเขาจะได้ลงหน้าหนึ่ง "บั๊บบ้ายิงหมีกริซลี่ย์" และรักษาหมู่บ้านไว้ได้ นี่คือสิ่งที่เกิดกับมังกรครับ ถ้าคุณคิดค้นวิธีฆ่ามังกร ผู้คนก็จะเล่าเรื่องของคุณรอบแค้มพ์ไฟ คนฆ่ามังกรเอาเนื้อ เพราะมันเป็นสัตว์อันตราย เพื่อพิสูจน์ว่าคุณเป็นวีรบุรุษ หรือ เพื่อพิสูจน์ว่าคุณเก่งกว่าในการแข่งขันเอาดินแดน หรือเพื่อใช้เป็นยา สูตรโบราณจำนวนมากใช้เลือดมังกร กระดูกมังกร น้ำลายมังกรเป็นส่วนผสม ทำไมครับ ชาวกิลกาเมชโด่งดังมากเรื่องการสังหารมังกร ตำนานจีนเล่าเรื่องชายชื่อ ยู ซึ่งสำรวจดินแดนในประเทศจีน เรื่องเล่าว่า หลังน้ำท่วมโลก ยูได้สำรวจดินแดนและแบ่งพื้นที่เป็นส่วนๆ เขาสร้างทางระบายน้ำออกไปสู่ทะเล ทำให้ดินแดนเป็นที่อยู่อาศัยได้อีก งูและมังกรจำนวนมากถูกขับไล่ไปจากหนองบึง คุณก็ทราบว่านั่นเป็นธรรมดาถ้าคุณต้องการจะสร้างเมือง คุณต้องไล่มังกรออกไปก่อน แล้วค่อยสร้างเมือง กะได้ว่าคุณต้องไล่มังกรออกไปหรือไม่ก็ฆ่ามัน ทำไมปฏิทินของจีนจึงมีสัตว์จริงๆสิบเอ็ดชนิด สุกร ไก่ สุนัข และ... มังกร? ทำไมเขาจึงรวมสัตว์"ในนิยาย"ชนิดหนึ่งลงไปด้วย เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อพวกเขาเลือกสัตว์เหล่านี้ขึ้นมา มีสัตว์จริงๆทั้ง 12 ชนิดครับ นี่เป็นชิ้นหนึ่งของภาชนะดินที่เก่าแก่ที่สุดบนดาวเคราะห์โลกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกระเบื้องจากอียิปต์ สมัยราชวงศ์แรกของสหราชอียิปต์ มีรูปมังกรคอยาว เราได้สร้างรูปเลียนแบบของมันด้วย ถ้าคุณต้องการซื้อเป็นรางวัลแก่เด็กที่นั่งรถที่โบสถ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ พวกเขาจะหลงใหลสิ่งนี้มาก เป็นรูปเลียนแบบครึ่งขนาดของภาชนะดินเก่าแก่ที่สุดในโลก ทำไมพวกเขามีรูปไดโนเสาร์คอยาวบนภาชนะดินเมื่อ 3,800 ปีมาแล้วครับ นี่เป็นรูปไดโนเสาร์คอยาวสองตัว มีฟางอยู่ตรงกลางในปากมัน นี่เป็นเขี้ยวฮิปโปจากศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล มีรูปสัตว์คอยาว หางยาว นี่เป็นตราประทับทรงกระบอก มีรูปไดโนเสาร์คอยาวให้เห็นค่อนข้างชัดเจน พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวถึงอสรพิษบินพ่นไฟ ในอิสยาห์บทที่ 14 เดี๋ยวนะครับ อสรพิษบินพ่นไฟ ลองอ่านเรื่องของเฮโรโดตัสดูนะครับ เฮโรโดตัสเล่าว่าเขาเดินทางไปที่หนึ่่งในแืถบอาระเบีย เกือบตรงกันข้ามกับบูโต ... เพื่อสืบถามเกี่ยวกับอสรพิษมีปีก "เมื่อข้าพเจ้าไปถึง ข้าพเจ้าได้เห็นกระดูกสันหลังและซี่โครงของอสรพิษมากมายเกินจะบรรยาย" อสรพิษมีปีกนั้นมีรูปร่างคล้ายงูีน้ำ ปีกของพวกมันไม่มีขนแผงแบบขนนก แต่ลักษณะคล้ายปีกค้างคาวมาก กระดูกเหล่านั้นอยู่ตรงทางเข้าช่องแคบ ระหว่างเทือกเขาชัน เรื่องเล่าว่าื "ในฤดูใบไม้ผลิ อสรพิษมีปีกบินมาจากอาระเบีย มุ่งหน้าไปยังอียิปต์... แต่มาประจันหน้ากับฝูงนกไอบิส(นกซ้อน)ที่ช่องแคบนี้ ซึ่งไม่ยอมให้อสรพิษบินเข้าไปและได้ฆ่าพวกมันทั้งหมด" หนังสือของโจซีฟัสกล่าวถึงอสรพิษบินพ่นไฟ ที่ท่านโมเสสต้องฆ่าเมื่อท่านมาถึงเอธิโอเปีย ท่านได้ลงเอยแต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งเอธิโอเปีย นี่เป็นสาเหตุที่พี่สาวของท่านโกรธท่านในภายหลัง พี่สาวของท่านโมเสสโกรธเพราะื่ท่านแต่งงานกับชาวเอธิโอเปีย ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนผิวดำ แต่เนื่ิองจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คุณลองอ่านเรื่องของท่านโมเสสในหนังสือของโจซีฟัสดูนะครับ พงศาวดารแองโกล-แซ็กซอนกล่าวว่าในค.ศ.793(พ.ศ.1336) มังกรพ่นไฟหลายตัวได้บินข้ามฟากฟ้า รูปเืทพเจ้ามาร์ดุ๊กของชาวบาบิโลนอยู่บนหลังมังกรพ่นไฟ "นี่ ภราดรโฮวินด์ คุณคงจะไม่เชื่อเรื่องมังกรพ่นไฟหรอกนะ" ครับ ผมเชื่อว่าเคยมีมากกว่าหนึ่งตัว ผมพูดถึงเรื่องนี้ทั้งหมดในวิดิโอเกี่ยวกับเ่ลวีอาธาน หนังสือโยบ บทที่ 41 กล่าวถึงเลวีอาธานว่า "คบเพลิงออกมาจากปากของมัน ประกายไฟกระโดดออกมา" "ควันออกมาทางรูจมูกของมัน" ผมเห็นผู้ช่วยในโบสถ์บัพติศมาทางใต้ทำอย่างนั้นเหมือนกัน นั่นยังไม่เจ๋งจริง "ลมหายใจของมันจุดถ่านลุก เปลวเพลิงออกมาจากปากของมัน" เดี๋ยวนะครับ จริงๆแล้วเคยมีมังกรพ่นลมหายใจเป็นไฟไหม คุณต้ิองชมวิดิโอเลวีอาธานเกี่ยวกับมังกรหายใจเป็นไฟครับ ถ้าคุณมีหนังสือไบเบิ้ลของคาทอลิก คุณจะิเห็นว่าหนังสือดาเนียลมีสองบทแถมมาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือที่ไม่มีหลักฐาน ดาเนียลบทที่ 13 และ 14 เรื่องน่าสนใจ แต่แน่นอนครับ ไม่ใช่พระคัมภีร์ ดาเนียลบท 14 กล่าวว่า "มีมังกรใหญ่ตัวหนึ่ง ณ ที่นั้น และชาวบาบิโลนสักการะมัน" "และกษัตริย์ตรัสแก่ดาเนียลว่า ดูเถิด เจ้ากล่าวไม่ได้ว่่านี่ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ดังนั้นเจ้าจงบูชาท่านเถิด" "และดาเนียลทูลว่า ข้าพระองค์บูชาพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ แต่นั่นไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์" "ขอพระองค์ทรงโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์ไป... และข้าพระองค์จะสังหารมังกรนี้โดยไม่ใช้ดาบหรือสนับมือใดๆ แ่ละกษัตริย์ตรัสว่า เราอนุญาตให้เจ้าไป" "แล้วดาเนียลก็นำชันยาและไขมันและเส้นผม และต้มมันเข้าด้วยกันแ่ละปั้นมันเป็นก้อนๆ และใส่ปากมังกรเหล่านั้น และมังกรก็ท้องแตก" เรื่องนี้ประหลาดจริงๆ ขอให้ผมอธิบายจากคำแปลของโฮวินด์หน่อยนะครับ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลบอกพวกเราว่า ท่านดาเนียลเป็นชายที่รู้เรื่องวิทยาศาสตร์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้นำชายหนุ่มเหล่านี้ ออกไปจากอิสราเอลในยามนั้น ท่านดาเนียลทราบดีว่า ชันยานั้นทำมาจากยางไม้และมันเหนียวมาก ไขมันก็มีรสเค็มและสัตว์แทบทุกชนิดชอบรสเค็ม และท่านดาเนียลทราบว่า เส้นผมนั้นไม่สามารถถูกย่อยเป็นอาหารได้ ดังนั้นท่านจึงปั้นชันยา ไขมัน และเส้นผมเป็นก้อนเล็กๆ และปาเข้าไปในถ้ำมังกร มังกรกินก้อนเหล่านั้น แต่ไม่สามารถย่อยได้ และไิปอุดตันลำไส้มังกร ในสมัยนั้นยังไม่มีน้ำยาล้างท่ออุดตัน มังกรจึงท้องระเบิดออก ซัดดาม ฮุสเซน ค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องหลงตัวเองครับ เขานึกว่่าตัวเองเป็นเนบูคัดเนสซาร์กลับชาติมาเกิด จอร์ิิจ บุชเรียกเขาเสมอว่าซัดแดม ฮุสเซน ผมก็คิดว่าทำไมเขาถึงเรียกซัดแดม ฮุสเซน จริงๆแล้วคือซัดแดมครับ ซัดดามแปลว่าเจ้าชาย ซัดแดมแปลว่าก้นม้า เขาเรียกว่าซัดแััดม ฮุสเซนครับ ซัดดามออกเงินตราโดยมีรูปของเขาอยู่หน้ารูิปเนบูคัดเนสซาร์ ซัดดามทุ่มทุนมหาศาล เพื่อสร้างเมืองโบราณแห่งบาบิโลนขึ้นมาใหม่ เมืิองโบราณแห่งบาบิโลนถูกค้นพบภายใต้พื้นทรายที่นั่นครับ อิฐต่างๆยังอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ เพราะถูกรักษาไว้โดยทรายแห้ง พวกเขาจึงขุดย้ายเมืองโบราณแห่งบาบิโลนขึ้นมาและสร้างใหม่ บาบิโลนถูกสร้างใหม่หมดในช่วงเวลา 20 ถึง 30 ปีที่ผ่านมา ทุกๆสิบฟุตรอบกำแพงเมือง ซัดดามให้ใส่อิฐที่มีข้อความว่า "ข้าคือซัดดาม ฮุสเซน... ข้าได้สร้างบาบิโลนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาใหม่ ข้าคือพระนัดดาแห่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์" แต่บนกำแพงดั้งเดิมนั้น พวกเขาได้ค้นพบรูปสลักสิงโตและรูปสลักมังกร ผมเข้าใจว่าทำไมจึงมีีรูปสิงโตอยู่บนนั้น พวกเราทราบเกี่ยวกับสิงโต แต่ทำไมพวกเขาจึงมีรูปสลักมังกรบนกำแพงอิฐเมื่อ 2,600 ปีมาแล้ว อาจเป็นเพราะพวกเขาืทราบเกี่ยวกับมังกร รูปสลักยังอยู่ที่นั่น คุณไปดูได้ เพื่อนผมคนหนึ่งเคยไปเป็นทหารที่นั่น บนประตูอิชทาร์เต็มไปด้วยรูปสลักพวกนี้ครับ รูปสิงโตสลับกับรูปมังกร ที่แดนผจญภัยไดโนเสาร์ เราสร้างแบบจำลองของมันขึ้นมา ถ้าคุณจะมาเพ็นซาโคล่า ฟลอริด้านะครับ สำหรับพวกคุณส่วนใหญ่แล้ว นั่นใกล้กว่าประเทศอิรักสักหน่อย อเล็กซานเดอร์มหาราชกล่าวว่า ทหารของเขากลัวมังกร เมื่อพวกเขายึดส่วนหนึ่งของอินเดียได้ เมื่่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล รูปโมเสคของชาวโรมัน มีมังกรคอยาวสองตัวกำลังสู้กันหรือจูบกัน นั่นต้องเรียกว่าคอพันกัน ชาวโรมันรู้เรื่องเกี่ยวกับมังกรได้อย่างไรในค.ศ.200(พ.ศ.743) นักบุญจอร์จมีชื่อเสียงด้วยการสังหารมังกรตัวหนึ่งในค.ศ.275(พ.ศ.818) บีโอวูล์ฟสังหารมังกรสองตัวและตัวที่สามฆ่าเขา คุณลองอ่านเรื่องบีโอวูล์ฟในภาษาอังกฤษโบราณดูนะครับ โชคดีครับ นั่นภาษาอังกฤษนะครับ เมื่อ 1,500 ปีมาแล้วนั่นคือภาษาอังกฤษ ผมอ่านได้แค่คำแรกของหน้า ดูเหมือนว่ามันจะอ่านว่า"เด่อ" เมื่อพวกเขาแปลเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษสมัยใหม่ เรื่องบอกเราว่าบีโอวูล์ฟฆ่ามังกรชื่อเกร็นเดล... ด้วยการดึงแขนเล็กๆของมันออกมาข้างหนึ่ง และเจ้าสัตว์นั้นก็เลือดไหลถึงตาย ดึงแขนมันออกหรือครับ พวกเขาพบตราประทับทรงกระืบอกของชาวบาบิโลน มีรูปชายคนหนึ่งกำลังดึงแขนมังกรออก น่าสนใจนะครับ ซื้อหนังสือ"หลังน้ำท่วมโลก"โดยคุณบิล คูเปอร์ ถ้าคุณอยากทราบมากกว่านี้เกี่ยวกับไดโนเสาร์่อยู่ร่วมกับมนุษย์ เมืองหนึ่งในประเทศฝรั่งเศสมีชื่อเสียง เพราะมีมังกรตัวหนึ่งขึ้นมาจากน้ำและชายผู้หนึ่งได้ฆ่ามัน เขาตัดหัวมันออกและเสียบกับมุมตึก หัวมังกรนั้นติดอยู่บนตึกของเขา เขาเรียกว่า การ์กอยล์ กี่คนครับเคยได้ยินคำว่าการ์กอยล์ ซึ่งยังถือปฏิบัติจนทุกวันนี้ คุณซื้อสัตว์น่าเกลียดพวกนี้ และติดมันบนตึกหรือเิหนือประตูได้ คำว่าการ์กอยล์แปลว่า"ลำคอ" ภาษาอังกฤษจึงมีคำว่า การ์เกิ้ล เกอร์เกิ้ล รีเกอร์จิเทต กอร์จ กลัทตั้น ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับลำคอ ครั้งต่อไปที่คุณกลั้วคอ(การ์เกิ้ล) คุณก็นึกถึงการสังหารมังกร ได้ คุณกล่าว "ภราดรโฮวินด์ ผมสังหารมังกรทุกครั้งที่ผมกลั้วคอ" นักเ่ขียนชาวไอร์แลนด์ผู้หนึ่งกล่าวว่า พวกเขาฆ่ามังกรที่มีเล็บเหล็กหลายอันบนหาง แน่นอนครับสเต็กโกซอร์มีหนามใหญ่หลายอันบนหาง แต่สัตว์อีกหลายชนิดก็มีเช่นกัน งานไม้สลักของพวกไวกิ้งมีรูปมังกรกำลังกลืนชายผู้หนึ่ง งานชิ้นนี้มาจากสมัยศตวรรษที่ 11 เมื่อ 1,000 ปีมาแล้ว 1,000 ปีมาแล้วพวกไวกิ้งประดับเรือด้วยหัวมังกร ทำไมเขาทำอย่างนั้นครับ พวกเขารู้จักมังกรใหญ่แห่งทะเล และเรียกมันว่าแคร็กเค่น คุณบิล คูเปอร์เขียนถึงเรื่องนี้ไว้เยอะในหนังสือ"หลังน้ำท่วมโลก" วีรบุรุษโด่งดังของไอซ์แลนด์ ชื่อซิกฟรีดได้สังหารมังกรชื่อฟาฟเนอร์ มีการค้นพบอิฐมีรูปมังกรจากปราสาทสมัยศตวรรษที่ 12 นี่เป็นปราสาทสมัยศตวรรษที่ 12 ในประเทศเยอรมันมีรูปมังกรอยู่ ทำไมพวกเขาประดับรูปมังกรบนปราสาทครับ มาร์โคโปโลอยู่ในประเทศจีนเิป็นเวลา 17 ปี เมื่อเขากลับมา เขาเล่าว่า จักรพรรดิจีนทรงเลี้ยงมังกรหลายตัวไว้ลากราชยานในขบวนเสด็จ ทำไมมาร์โคโปโลกล่าวอย่างนั้นครับ อาจเป็นเพราะ จักรพรรดิจีนทรงกำลังเลี้ยงมังกรหลายตัว เพื่อลากราชยานในขบวนเสด็จ นั่นคือทฤษฎีของผมครับ ค.ศ.1611(พ.ศ.2154) ในประเทศจีนมีการแต่งตั้งตำแหน่ง"ผู้เลี้ยงมังกรหลวง" ทำไมต้ิองมีผู้เลี้ยงมังกรหลวง ผมเดานะครับ เพื่อเลี้ยงมังกร ปราสาทสมัยศตวรรษที่ 13 หลังหนึ่งมีรูปมังกร หลุมฝังศพสมัยศตวรรษที่ 15 มีรูปไดโนเสาร์คอยาวสองตัวสลักบนทองเหลือง ปราสาืทสมัยศตวรรษที่ 16 หลังนี้มีรูปมังกรอยู่บนนั้น ในพิพิธภัณฑ์ของเราที่มีผู้ให้ยืมวัตถุแสดง เรามีดอลลาร์เงินเจ็ดเหรียญจากช่วงค.ศ.1500 ถึง 1600 กว่าๆ(พ.ศ.2043 ถึง 2242) เหรียญดอลลาร์เหล่านั้นทำจากธาตุเงินจริงๆ ทั้งหมดมีรูปคนกำลังสังหารมังกร มังกรเคยมีอยู่ทั่วไปจนกระทั่งเมื่อ 400 ปีที่แล้ว ตอนนั้นทุกคนรู้เรื่องการสังหารมังกร แน่นอนครับคุณต้ิองฆ่ามังกร นั่นเป็นวิถีปฏิบัติทั่วไป สังหารมังกร ช่วยชีวิตเจ้าหญิงหรืออะไรก็แล้วแต่ เหรียญของรัสเซียมีีรูปชายผู้หนึ่งกำลังฆ่ามังกร แสตมป์ไปรษณีย์ของประเทศบัลแกเรียมีรูิิปคนกำลังฆ่ามังกร ยอดหมวกของประเทศลิธัวเนียมีรูปคนกำลังฆ่ามังกร เมืิองหนึ่งในประเทศฝรั่งเศสได้ชื่อใหม่ว่า เนอร์ลุก เพื่อเป็นเกียรติแก่ชายที่สังหารมังกร อินเดียนแดงในอเมริกาสลักรูปไดโนเสาร์ บนผนังแกรนด์แคนย่อน ทำไมพวกเขาถึงสลักรูปไดโนเสาร์บนผนังแกรนด์แคนย่อน หรืออาจเป็นเพราะพวกเขาเห็นและล่าไดโนเสาร์แถวนั้น? ค.ศ.1925(พ.ศ.2468) คนกลุ่มหนึ่งล่องแพตามแึคนย่อนทางทิศตะวันตก และได้เขียนรายงาน พวกเขาเห็นรูปไดโนเสาร์พวกนี้อันหนึ่ง และกล่าวว่าการที่มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ... ทำรูปไดโนเสาร์บนผนังแคนย่อนนั้น หักล้างทฤษฎีทั้งหมดของพวกเราโดยสิ้นเชิง โอ้ อย่าหักล้างทฤษฎีของเรานะ เขากล่าวว่า "เมื่อประมาณหนึ่งปีมาแล้ว ... มีคนโชว์ภาพถ่ายของไดโนเสาร์ ให้กับนักวิทยาศาสตร์โด่งดังระดับชาติ ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านไดโนเสาร์ใน ขณะนั้น เขากล่าวว่า มันไม่ใช่ไดโนเสาร์ เป็นไปไม่ได้ เพราะเรารู้ว่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์เมื่อ 12 ล้านปี... ...ก่อนที่จะมีมนุษย์บนโลก" เดี๋ยวนะครับ ก่อนอื่นเลย เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะรู้ว่านั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 ล้านปีมาแล้ว ขอให้เคลียร์กันในจุดนี้เลยนะครับ ข้อสองก็คือสังเกตว่าเขาพูด "12 ล้าน" ปัจจุบันเด็กๆถูกสอนว่าไดโนเสาร์ตายไปเมื่อ"65 ล้านปีมาแล้ว" ใช่ไหมครับ 65 ล้านปีมาแล้วหรือครับ น่าสนใจว่าอายุของโลกนั้นเหมือนค่าเงินเฟ้อเลยครับ ในค.ศ.1770(พ.ศ.2313)พวกเขากล่าวว่าโลกมีอายุ 70,000 ปี ในค.ศ.1902(พ.ศ.2445)โลกมีอายุ 2 พันล้านปี ในค.ศ.1969(พ.ศ.2512)โลกมีอายุ 3.5 พันล้านปี ปัจจุบันมันมีอายุ 4.6 พันล้านปี ทราบไหมครับว่าทุกปีโลกแก่ตัวลง 21 ล้านปี คิดเป็น 40 ปีต่อนาที โลกแก่ตัวลงอย่างรวดเร็วครับ ถ้าคุณไปเมืองแบลนดิ้ง มลรัฐยูท่าห์ คุณจะเห็นรูปสลักไดโนเสาร์บนหน้าผาที่นั่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ยูท่าห์ ชาวอินเดียนแดงรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ พวกเขาฆ่าพวกมัน นี่เป็นรูปสีในถ้ำที่ประเทศออสเตรเลีย มีชายผู้หนึ่งกำลังวิ่งหนีีจากสัตว์ที่ดูจะเป็นไดโนเสาร์ ที่แห่งหนึ่งในแคนาดา ผมออกเสียงไม่ถูกเลยครับ มิสชาเพอ ในออนตาริโิือ บนหน้าผาที่นั่น ชาวอินเดียนแดงวาดรูปสีอะไรที่ดูคล้ายไดโนเสาร์... ...มันมีสันนูนบนผิวหนังลงไปตามหลังของมัน นี่เป็นรูปวาดสีในออสเตรเลีย ชายเหล่านี้กำลังเต้นไปรอบๆไดโนเสาร์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังว้าวุ่น เพราะมันกินเพื่อนของพวกเขาเข้าไป นี่เพื่อนที่อยู่ข้างใน ได้โปรดให้เขากลับคืนมาเดี๋ยวนี้เถิด ชายผู้นี้กล่าวว่าไม่มีคนเคยเห็นไดโนเสาร์ แต่ทำไมพวกเขามีรูปมันบนรูปวาดสีในถ้ำ ทำไมพวกเขามีรูปมันบนภาชนะดินโบราณ ทำไมมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับมังกร ถ้าไม่มีใครเคยเห็นมันสักตัว ในประเีืืทศเปรู มีทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ผมเข้าใจว่ามีฝนตกแค่สองครั้งในรอบ 400 ปี เมื่อชาวสเปนไปถึงที่นั่นช่วงค.ศ.1500 กว่าๆ(พ.ศ.2043-2142) พวกเขาค้นพบเส้นสีขาวในทะเลทราย เห็นได้ชัดว่าเส้นเหล่านั้นเป็นเส้นประดิษฐ์ มีคนเอาก้อนหินไปกองไว้ เป็นกองหินขาว บางครั้งยาวหลายไมล์ ตรงราวกับลูกศร ปัจจุบันเขาเรียกว่า เส้นนาสคาร์ กี่คนครับเคยได้ยินเกี่ยวกับรูปนาสคาร์ ที่เปรูเขามีรูปทั้งหมดนี้เลยครับ คุณศึกษาได้ถ้าคุณต้องการ แต่แปลกครับ รูปเหล่านี้น่าสนใจ รูปหนึ่งเป็นรูปแมงมุม แมงมุมนี้ไม่มีตาและขาข้างหนึ่งก็ยาวกว่าข้างอื่นๆ นานหลายศตวรรษ ทุกคนคิดว่าคนทำรูปพวกนี้เป็นคนจนๆ โง่เง่า ไม่รู้เรื่องอะไีร พวกเขาลืมวาดตาเข้าไปและบังเอิญทำขาข้างหนึ่งยาวไป ไม่นานมานี้มีการค้นพบแมงมุมชนิดหนึ่งในป่าดงดิบอเมซอน ไกลออกไปเป็นพันไมล์ มันอาศัยอยู่ในถ้ำเท่านั้น หายากมาก คาดว่าเป็นแมงมุมที่หายากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง มันยาวแค่ 1/8 นิ้ว (3 ม.ม.) เป็นแมงมุมตัวเล็กกระจิ๋วหริว มันอยู่ไกลออกไปเป็นพันไมล์ในถ้ำมืด แมงมุมนี้ไม่มีัตาครับ ช่วงฤดูผสมพันธุ์ ขาข้างหนึ่งจะยาวขึ้น และมีการแลกเปลี่ยนดีเอ็นเอที่ปลายขากัน คนที่เปรูไกลออกไปเป็นพันไมล์ ทราบได้อย่างไรครับ หรือว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่โง่เลยครับ ค.ศ.1535(พ.ศ.2078) พวกสเปนที่ปราบประเทศเม็กซิโกและเปรู มาถึงบริเวณนั้นและพบก้อนหินมีรูปสัตว์แปลกๆอยู่ พวกเขาส่งหินสองสามก้อนไปให้กษัตริย์แห่งสเปน และทูลถามว่า "สัตว์เหล่านี้ที่สลักอยู่บนก้อนหินเป็นสัตว์อะไรพระเจ้าข้า" กษัตริย์ตรัสว่าเราไม่รู้แม้แต่นิดเดียว ปัจจุบันเขาเรียกหินเหล่านั้นว่าหินฝังศพอินคา จากอินคา ประเทศเปรู คุณเดนนิส สวิฟท์คงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในเรื่ิองนี้ เขาเป็นเพื่อนสนิทของผมจากเมืองพอร์ทแลนด์ มลรัฐโอเรกอน เขานำสอนได้ยอดเยี่ยมมากที่ค่ายพระเจ้าทรงเนรมิตที่เราจัด ในค.ศ.2005(พ.ศ.2548) เราจัดค่ายชื่อ พระเจ้าทรงเนรมิต ที่เพ็นซาโคล่า ฟลอริด้า เราอัดดีวีดีที่เขาพูดเกี่ยวกับก้อนหินอินคาไว้ครับ เยี่ยมยอดมากครับ คุณยังสั่งได้ที่เว็บไซท์ของเรา หิินเหล่านี้มีรูปไดโนเสาร์ หินฝังศพนาสคาร์นั้นมาจากประมาณสมัยพระคริสต์ บวกลบสองสามร้อยปี หินบางก้อนมีรูปศัลยกรรมสมอง มีการค้นพบเครื่องมือศัลยกรรมสมองทำจากทองแดงแข็ง พวกเขาเจือโลหะอื่นเข้ากับทองแดง เพื่อทำเครื่องมือสำหรับตัดเข้าไปในกะโหลกคน หินบางก้อนแสดงรูปศัลยกรรมหัวใจ และศัลยกรรมติดต่ิอแขนขา หินก้อนหนึ่งมีรูปคล้ายเครื่องยนต์ไอน้ำ หินอินคาในเปรูหลายก้อนมีรูปแปลกประหลาด ผมคิดว่ามากกว่า 500 ก้อนมีรูปไดโนเสาร์ ทำไมเขามีรูปไดโนเสาร์และมนุษย์อยู่บนหินก้อนเดียวกันครับ เพราะมนุษย์เคยอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ นี่เป็นหินก้อนหนึ่งจากพิพิธภัณฑ์ของเรา มีรูปไดโนเสาร์กำลังจับหัว หิ้วชายคนหนึ่งอยู่ ก้อนนี้ ชายคนหนึ่งกำลังตัดหัวมังกรออก เพราะมันฆ่าเพื่อนของเขา คุณเห็นรูปเพื่อนอยู่ในมังกร แต่ศีรษะเขาหายไปแล้ว เพื่อนซี้ของเขาเลยทำตามพระคัมภีร์ "การแก้แค้นเป็นของเบา" (ดร.โฮวินด์ล้อเล่น "องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบสนอง") ชายผู้นี้กำลังแทงทะลุคอมังกรด้วยหอก ก้อนนี้เห็นยากหน่อย ชายผู้นี้กำลังแทงหอกลงไปในลำคอมังกร มังกรจับเขาไว้ที่แขน วิญญาณของเขากำลังออกจากร่าง ลอยไปสู่สวรรค์ หรือที่ไหนที่พวกเขาเชื่อตามวัฒนธรรมของเขา ชายผู้นี้มีมีดปักหัวมังกรอยู่และมังกรกำลังกัดเขา เรามีหินเหล่านี้แปดก้อนที่เพ็นซาโคล่า ฟลอริด้า ผมเชื่อว่าเรามีมากที่สุดในอเมริกา แต่ละก้อนมีมูลค่า 1,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 60,000 บาท) มีไม่กี่คนที่มีหินเหล่านี้ ไดโนเสาร์บางตัวมีรูปวงกลมอยู่ด้านข้าง น่าสนใจครับ ทำไมเขาวาดวงกลมที่ข้างตัวไดโนเสาร์ ไม่มีใครเคยค้นพบผิวหนังไดโนเสาร์ จนเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้้ว มีการค้นพบผิวหนังที่กลายเป็นฟอสซิล น่าสนใจมากที่ผิวหนังของไดโนเสาร์มีลายวงกลมอยู่ พวกเขาต้องเคยเห็นไดโนเสาร์เป็นๆ จึงจะรู้ว่าต้องวาดอย่างนั้นลงบนก้อนหิน เพราะคุณบอกไม่ได้หรอกว่ามีวงกลมอยู่บนผิวหนัง จากกระดูกของมันอย่างเดียว เรามีผิวหนังไดโนเสาร์ที่พิพิธภัณฑ์ของเราที่เพ็นซาโคล่า ฟลอริด้า ไม่นานมานี้ มีการค้นพบเนื้อเยื่ออ่อนของไดโนเสาร์ ที่ยังไม่กลายเป็นฟอสซิล เนื้อเยื่ออ่อนของไดโนเสาร์เนี่ยนะ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เฉลียวฉลาดกำลังคิดกันใหญ่ ว่าทำไมเนื้อเยื่ออ่อนจึงได้คงสภาพถึง 70 ล้านปี พวกเขาไม่มีทางคิดหรอกว่า มันอาจจะไม่ใช่ 70 ล้านปี ความคิดนั้นไม่มีวันเข้าไปในหัวพวกเขา ชายผู้นี้กำลังตัดหัวมังกรออก นี่ชายผู้หนึ่งกำลังขี่มังกร เรามีข้อมูลเป็นตันๆเกี่ยวกับไดโนเสาร์อยู่ร่วมกับมนุษย์ บางครั้งก็แสดงความเป็นมิตร เช่นรูปนี้ ชายคนหนึ่งกำลังลูบไดโนเสาร์ หัวเขาซบลงที่ไหล่มัน ภาชนะดินถูกค้นพบมีรูปไดโนเสาร์ มัมมี่ถูกค้นพบในหลุมศพห่อด้วยผ้าห่ม บนผ้าห่มเต็มไปด้วยรูปไดโนเสาร์ ทำไมเขามีรูปไดโนเสาร์บนผ้าห่ม ทำไมเขาวาดไดโนเสาร์บนภาชนะดิน ทำไมเขาสลักรูปมันบนหน้าผา ทำไมเขามีรูปมันบนผ้าคาดเอว ในอาคัมบาโร ประเทศเม็กซิโก มีการค้นพบรูปปั้นเซรามิกไดโนเสาร์ 56,000 ตัว พวกเขารู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ตอนกลางของประเิืืทศเม็กซิโกครับ ไดโนเสาร์อยู่ร่วมกับมนุษย์มาตลอด มันไม่ได้มีชีวิตอยู่เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว แต่นักวิวัฒนาการทุกวันนี้ กล่าวว่าไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว... และกล่าวว่าไม่มีคนเคยเห็นไดโนเสาร์ ไม่จริงครับ ผมคิดว่าพวกเขาเคยเห็นมัน ชาวนาอิตาลีคนหนึ่งฆ่ามังกรที่มารบกวนวัวของเขา เขาสตั๊ฟฟ์มังกรตัวนั้นและแสดงมันในพิพิธภัณฑ์ ในค.ศ.1572(พ.ศ.2115) อ้อ คุณทราบไหมว่าทำไมชาวอิตาลีหลายคนถึงมีชื่อว่าโทนี่(Tony) หลายปีมาแล้วชาวอิตาลีจำนวนมากเดินทางมาอเมริกา เขาได้ประทับตราTO N.Y.(ปลายทางนิวยอร์ก) เกร็ดความรู้นิดหน่อยครับ อุปกรณ์ของชาวซัททันมีรูปเหมือนเทอโรแด็คทิลกำลังหุบปีก สุภาพสตรีท่านนี้ส่งรูปมังกรพบที่ยูท่าห์ เธอกล่าว "ภราดรโฮวินด์ ดิิฉันว่ามันดูเหมือนไดโนเสาร์" เป็นรูปสลักบนหน้าผาที่นั่น มีการค้นพบอุปกรณ์ของชาวโรมันที่เมืองทูซอน มลรัฐอริโซน่า ชาวโรมันเดินทางข้ามฟากมหาสมุทรมาตั้งนานก่อนโคลัมบัสครับ โคลัมบัสไม่ใช่คนผิวขาวคนแรกที่ข้ามฟากสมุทร มีีการค้าขายไปมาหลายศตวรรษจนกระทั่งเกิดยุคมืด ... ซึ่งได้ปิดตายต่อความรู้และข้อมูลจากโพ้นทะเล ค.ศ.500(พ.ศ.1043)เบร็นแดนนักเดินเรือทะเลข้ามฟากสมุทรมา มีการค้นพบเหรียญฮีบรูที่หลุมฝังศพในมลรัฐโอไฮโอ ในสมัยของพระคริสต์มีการค้าขายข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ลอส ลูนาส มลรัฐนิวเม็กซิโก มีการค้นพบหิีนพระบัญญัติสิบประการ เป็นหินหนัก 80 ตัน มีพระบัญญัติสิบประการเขียนเป็นภาษาไบแซนทีีน ผมเข้าใจว่า มีการใช้ภาษารุ่นนี้ช่วงประมาณค.ศ.500(พ.ศ.1043)เท่านั้น 1,500 ปีมาแล้ว มีคนข้ามฟากมาประกาศข่าวประเสริฐที่อเมริกา ไกลถึงนิวเม็กซิโก ดาบโรมันเล่มหนึ่งมีรูปไดโนเสาร์ที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน ทำไมเขามีรูปไดโนเสาร์อยู่บนดาบในสมัยจักรวรรดิโรมัน ในสมัยที่คนยังใช้เรือใบ มีเรื่องเล่าเป็นพันๆ เกี่ยวกับคนเห็นสัตว์ประหลาดในทะเล เพราะถ้าคุณอยู่ในเรือใบ เรือมันเงียบเมื่อมันแล่นผ่านน้ำไป สมัยนี้ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล พวกมันอยู่ใต้น้ำได้ยินเสียงเรืิอแล่นมา 50 ไมล์ล่วงหน้า แน่นอนครับปัจจุบันคุณก็จะไม่เห็นพวกมันสักตัว (มันได้ยินเสียงคุณมาแต่ไกล) ทั่วโลกมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมังกรอยู่ร่วมกับมนุษย์ ผมคิดว่าพวกเราถูกหลอกมาตลอด เราคุยกันได้นานครับในเรื่องเล่าเกี่ยวกับมังกร ผมอ่านมากเกี่ยวกับรายงานการเห็นมังกร ตลอดช่วงต่างๆในประวัติศาสตร์ สั่งสัมนาหมายเลข 3 ครับ ถ้าคุณต้องการมากกว่านี้ในเรื่องเล่าเกี่ยวกับมังกร คุณทราบไหมว่า จริงๆแล้วมีหลายเรื่องเกี่ยวกับปลาหมึกยักษ์่ในมหาสมุทร ผมหมายความถึง ปลาหมึกยักษ์ที่ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่จริงๆครับ ปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งเกยตื้นที่ชายหาดในฟลอริด้า มันกว้าง 200 ฟุต(60 เมตร) หนัก 5 ตัน นั่นปลาหมึกยักษ์ใหญ่ครับ วาฬตัวหนึ่งถูกฆ่าใกล้เมืิองซีแอตเติ้ล ในท้องวาฬนั้นมีหนวดปลาหมึกยักษ์ยาวถึง 150 ฟุต(45 เมตร) วาฬชอบกินปลาหมึกยักษ์ ถ้าวาฬกินปลาหมึกยักษ์มากเกินไป มันจะคลื่นไส้และอาเจียนออกมา ถ้าคุณเห็นชิ้นส่วนปลาหมึกยักษ์ที่ถูกอาเจียนลอยอยู่ในมหาสมุทร ให้จับเอาไว้เลยนะครับ มันมีมูลค่ามหาศาล ใครทราบไหมครับว่าเขาเอาปลาหมึกยักษ์ที่ถูกอาเจียนไปทำอะไร น้ำหอม ถูกต้องครับ นั่นบอกอะไรบางอย่าง หนุ่มๆว่าไหมครับ "ที่รักจ๊ะ คุณมีกลิ่นเหมือนปลาหมึกยักษ์ที่ถูกอาเจียนเลย" "จ้ะ งั้นคุณก็นอนบนเก้าอี้ไปทั้งเดือนก็แล้วกัน" มีปลาหมึกใหญ่พบในมหาสมุทร ผมหมายถึงปลาหมึกใหญ่จริงๆครับ เราคุยกันได้นานถึงเรื่องนี้ ปลาหมึกใหญ่ตัวหนึ่งเกยตื้นที่ชายหาดในประเทศนิวซีแลนด์ เขาบอกว่ามันยังเป็นลูกปลาหมึก ตัวเต็มวัยจะยาวถึง 150 ฟุต(45 เมตร) คนชอบพูดกันว่า "เดี๋ยวนะ ดร.โฮวินด์ ถ้ามีการเอ่ยถึงไดโนเสาร์ในประวัติศาสตร์ ... ถ้างั้นมีการเอ่ยถึงไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์ด้วยรึ" นั่นไงใช่เลยครับ ไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเนี่ยนะ ใช่ครับ เราจะพูดถึงเรื่ิองนี้ในรอบถัดไปครับ ไดโนเสาร์ไม่เพียงแต่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ไดโนเสาร์บางตัวยังอาจมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไป เราจะพูดถึงเรื่องนี้ิิ อีกสักเดี๋ยวหนึ่งนะครับ (จบสัมนาหมายเลข 3a) (END - Sem#3a - Thai) เริ่มสัมนาหมายเลข 3b ดร.เค๊นท์ โฮวินด์ - แปลโดย สุรีย์ บราวน์ (START - Sem#3b - Thai) โอเคเรามาเริ่มตรงที่ค้่างไว้เลยนะครับ "ไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล" คนพูดกันว่า "ไดโนเสาร์ไม่ได้ิอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล" แน่นอนครับ คำว่า"ไดโนเสาร์"ไม่อยู่ในพระคัมภีร์ ไม่เคยมีคำว่าไดโนเสาร์จนค.ศ.1841(พ.ศ.2384) คำว่า"คอมพิวเตอร์"ไม่อยู่ในพระคัมภีร์เช่นกัน แต่มีคอมพิวเตอร์จริงๆ แต่ใช่ครับ พระคัมภีร์กล่าวถึงไดโนเสาร์จริงๆ อ่านพระคัมภีร์ดูดีๆนะครับ ถ้าคุณอ่านหนัังสือโยบ หนัังสือโยบมี 42 บทครับ หนัังสือโยบอยู่ประมาณใจกลางของพระคัมภีร์ ก่อนหน้าหนัังสือเพลงสดุดี คุณจะพบว่าหนังสือโยบนั้นดึงดูดใจมาก โยบ บทที่ 1 กล่าวว่า โยบเป็นคนดีรอบคอบ ท่านเกรงกลัวพระเจ้าและเกลียดชังความชั่วร้าย นั่นเป็นคำแนะนำที่ดีนะครับ โยบมีบุตรชาย 7 คนและบุตรสาว 3 คน โยบมีแกะ อูฐ วัว และลา เป็นหลายพันตัว ชายผู้นี้รวย รวยจริงๆ หนังสือโยบคงถูกจารึกหลังน้ำท่วมโลก แต่ก่อนที่พระเจ้าทรงประทานพระราชบัญญัติในสมัยของโมเสส ก่อนน้ำท่วมโลกมนุษย์มีชีวิตอยู่เกิน 900 ปี หลังน้ำท่วมโลกมนุษย์อยู่จนถึง 400 ปี ดูนะครับ โยบมีชีวิตอยู่จนบุตรทั้ง 10 คนเติบโต มีครอบครัวออกไป ทั้งหมดเสียชีวิต และ ... ท่านมีบุตรอีก 10 คนหลังจากนั้น และได้เห็นโหลนจากครอบครัวที่สอง คุณต้องมีชีวิตอยู่นานจึงจะทำทั้งหมดนั้นได้ นี่คือสาเหตุที่คนส่วนใหญ่คิดว่า หนังสือโยบถูกจารึกหลังน้ำท่วมโลก ในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่จนค่อนข้างชรามาก วันหนึ่งผู้สื่อสารมาหาโยบและเรียนท่านว่า "ข้าพเจ้ามีข่าวร้าย วัวและลาของท่านถูกคนปล้นเอาไป คนใช้ของท่านถูกฆ่าตาย แกะถูกเพลิงเผาผลาญเสียหมด และอูฐก็ถูกคนปล้นเอาไปเช่นกััน" เรียกว่าสต๊อคมาร์เก็ตถล่มจริงๆ เข้าใจไหมครับ สต๊อค(ปศุสัตว์)ครับ ผู้สื่อสารอีกคนมาหาโยบและเรียนว่า "โยบ บุตรของท่านเสียชีวิตทั้งหมด ทั้ง 10 คนเลยสิ้นชีวิต" เป็นวันร้ายคืนเลวมากสำหรับโยบ แล้วโยบกล่าวว่า (โยบ 1:21) "พระเยโฮวาห์ทรงประทานและพระเยโฮวาห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเยโฮวาห์" คนอะไรครับเนี่ย คุณทำอย่างนั้นหรือเปล่าครับเมื่อเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นกับคุณ หลังจากนั้นซาตานได้ให้โยบเป็นฝีร้าย ตั้งแต่กระหม่อมที่ศีรษะของท่านจนถึงฝ่าเท้า ฝีร้ายนั้นเหมือนกับสิวที่เลวร้ายที่สุด ท่านโยบถูกปกคลุมด้วยฝีร้าย และภรรยาของท่านก็กลายเป็นศัตรูเช่นกัน ชายชาตรีสามารถฝ่าฟันโศกนาฏกรรมทุกอย่างในชีวิต แต่เรื่อง(ภรรยา)นั้นเป็นเรื่องยากที่สุดครับ มีอยู่วรรคหนึ่งที่คุณคงไม่เคยได้ยินบทเทศนาเลย เอเฟซัส บทที่ 5 กล่าว "ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน" คุณคงได้ยินบทเทศนาในส่วนนั้น แต่ผมว่าคุณไม่เคยได้ยินส่วนนี้ ภรรยาจงยำเกรงสามีของตน ใช่แล้วครับทำเหมือนเขาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า มอบ "เครื่ิองเผาบูชา" แด่เขาวันละสามครั้ง ในบทที่ 2 วรรค 10 โยบกล่าว "เธอพูดอย่างหญิิิงโฉดจะพึงพูด เราจะรับสิ่งดีจากพระหัตถ์ของพระเจ้า และจะไม่รับของชั่วบ้างหรือ" สหายสี่คนของโยบเดินทางมาเยี่ยมท่าน สหายคนหนึ่งเิป็นชายตัวเตี้ยที่สุดในพระคัมภีร์ ชื่อบิลดัด คนชูไฮ้ท์ "ชูไฮ้ท์"(สูงเื้่ท่ารองเท้า) ค่อนข้างเตี้ยนะครับ สหายทั้งสี่มาหาและคุยกับโยบถึง 35 บท ส่วนใหญ่ในหนังสือโยบ บันทึกคำอธิบายของชายเหล่านี้ต่อโยบว่า ทำไมทุกสิ่งเลวร้ายไปหมด พวกเขาต้ิองมาจากนิกายบัพติศต์ ผมไขปัญหานี้ได้เพราะ พวกเขากล่าว "โยบ ท่านต้องได้กระทำผิดบาปแน่ๆ ข้าหมายถึง" เอลีฟัสกล่าว "ผู้่ที่ไร้ความผิดเคยพินาศหรือ" "โยบ สาเหตุที่สิ่งเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่่าน เพราะท่านได้กระทำบาป" คุณครับ นั่นเป็นปัญญาของโลก นั่นไม่ใช่ความจริง ถ้าเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นกับใครก็ตาม คุณไม่ทราบว่าทำไมมันเกิดขึ้น คุณควรรักและอธิษฐานให้พวกเขา สนับสนุนพวกเขา และหุบปากครับ อย่าไปโรงพยาบาลเมื่อเขาผ่าตัดเอาเม็ดนิ่วออกและกล่าวว่า... "ภราดร นั่นไม่ใช่เม็ดนิ่ว แต่่เป็นสิบชักหนึ่ง พระเจ้าทรงเอาออกมาจากคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง" อย่าทำอย่างนั้นนะครับ ให้พระเจ้าทรงจัดการว่าทำไมทุกอย่างจึงเลวร้ายไปหมด พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถจัดการได้สบายครับ โยบจึงนั่งขูดหนองจากฝี ถัดไปจากหลุมฝังศพบุตรสิบคน นั่งคิด "ข้่าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์ ทำไมสิ่งนี้เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์" คุณครับ คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตบนโลกนี้นานเลย ก่อนที่คุณจะถามคำถามเดียวกันนั้น "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ทรงทำเช่นนี้แก่ข้าพระองค์" ผมยังไม่อยากเปิดโปงใครนะครับ บางทีได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในชีวิตคุณ ผมทราบบ้างในสิ่งที่ผมพูดอยู่ ผมมีบุตรสามคนที่นี่ และสามคนบนสวรรค์แล้วครับ ครับ โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับคนดีที่พยายามทำสิ่งถูกต้องชอบธรรม มันเกิดขึ้นครับ แต่ถ้าเิกิดสิ่งเลวร้ายขึ้น คุณจะมีปฏิกิริยาอย่างไร โยบกล่าวว่า ข้าพเจ้าปรารถนาให้องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรัสตอบมา ท่านไม่ทราบพระธรรมโรม 8:28 พระเจ้าตรัสว่า "เรารู้ว่่า ทุกสิ่งร่วมกันกระทำให้เกิดผลดี แก่บรรดาผู้ที่รักพระเจ้า แก่ผู้ที่ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์" วรรคนี้ไม่ได้กล่าวว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะดี ไม่ได้กล่าวอย่างนั้นครับ แต่กล่าวว่ามันจะร่วมกันกระทำให้เกิดผลดี ผมแสดงให้ดูครับ มีใครเคยหิวไหมครับ คุณเคยหิวไหมครับ สมมุติว่าคุณมาเคาะประตูบ้านผม "เฮ้ โฮวินด์ ผมหิว" ผมบอก"เข้ามาได้เลย" และผมให้แป้งสาลีแก่คุณถ้วยหนึ่ง ฟังไม่ค่อยเข้าท่า ผมเข้าใจแล้ว เกลือช้อนหนึ่งเป็นไง คุณอาจจะพูดว่า "นั่นไม่ช่วยหรอกนะ" ผมเข้าใจแล้ว โซดาทำขนมปังช้อนนึงเป็นไง นั่นจะช่วยปลุกคุณตื่นตอนเช้า ตอนนี้คุณคงคอแห้งแล้ว เดี๋ยวเทน้ำมันครึ่งถ้วยลงไปแล้วกัน ไล่ตามลงไปด้วยนมพร่องเนยหนึ่งถ้วย คุณคงจะบอก"ภราดรโฮวินด์ รสชาตินั่นได้แย่มาก" ถ้าเกิดเราผสมมันเข้าด้วยกัน แล้วทำขนมปังอ่อนล่ะครับ คุณทราบไหม ว่าส่วนผสมสำหรับทำขนมปังอ่อนมีรสชาติแย่มาก แต่ใช้ได้ผลด้วยกันในการทำขนมปังอ่อน คุณทราบไหม ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณอาจไม่ดีเสมอไป ... แต่ร่วมกันกระทำให้เกิดผลดี ถ้าคุณรักพระเจ้าิและพระองค์ทรงเรีียกคุณตามพระประสงค์ของพระองค์ เห็นไหมครับชีวิตคริสเตียนนั้นง่ายมาก รักษาใจให้ถูกต้องกับพระเจ้า เท่านั้นเอง ทำยากครับ เพราะจิตใจเป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายกาจ โยบนั่งขูดหนองออกจากฝี กล่าวว่า"ข้่าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์โปรดตรัสตอบข้าพระองค์" และในบทที่ 38 พระเยโฮวาห์ทรงตอบโยบออกมาจากลมหมุน คุณครับถ้าพายุหมุนเริ่มพูดกับผม ผมจะตั้งใจฟังเลยครับ พระเยโฮวาห์กล่าว "นี่ใครหนอที่ให้คำปรึกษามืดมนไปด้วยถ้อยคำอันปราศจากความรู้" เฮ้โยบ สหายทั้งสี่ของเจ้าน่ะพูดไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ระวังนะครับ ถ้าคุณต้องการศึกษาคำสั่งสอนตามพระคัมภีีร์จากหนังสือโยบ จริงว่าชายเหล่านั้นพูด แต่สิ่งที่เขาพูดมันไม่จริง พวกศาสนาหลอกลวงนี่เก่งมากเรื่องการเลือกใช้เฉพาะบางวรรค คุณควรอ่านทั้งบทให้เข้าใจ ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นพระวจนะของพระเจ้า แต่พระคัมภีร์มีความเท็จอยู่ในนั้น มันบันทึกความเท็จของมนุษย์อย่างถูกต้อง จริงที่ว่าพวกเขาพูด แต่สิ่งที่เขาพูดมันไม่จริง นั่นคือกรณีของชายทั้งสี่นี้ครับ พระูเจ้าตรัสว่า (โยบ 38:3) "จงคาดเอวไว้อย่างกับลูกผู้ชายหน่อยซิ เราจะถามเจ้า ขอเจ้าตอบเรา" "เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลกนั้น เจ้าอยู่ที่ไหน" 36 ปีที่แล้ว ผมอ่านวรรคนั้นเมื่อผมเป็นคริสเตียนใหม่ๆ ผมคิดว่าคำถามนี้งี่เง่าจริงๆ "องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ทรงถามโยบ ท่านอยู่ที่ไหนเมื่อพระองค์ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก" ผมพูด "องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าโยบไม่ได้อยู่ที่นั่น โยบเองก็ทราบ ทำไมพระองค์ทรงถามเช่นนั้น" พวกคุณกี่คนอยู่ที่นี่ครับ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก มีใครอยู่ที่นี่ไหมครับเมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก แค่พวกมอร์มอนสองคน ตอนนี้คุณอยู่ในโลกที่สองของคุณ ผมเข้าใจแล้วครับ ไม่ครับ คุณไม่ได้อยู่ที่นี่ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก เด็กๆ ต่อไปนี้ค่อนข้างจะซับซ้อน ตั้งใจฟังดีๆนะครับ เพราะคุณไม่ได้อยู่ที่นี่เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก หมายความว่าพระเจ้าทรงมีพระชนม์มากกว่าคุณ กี่คนคิดข้อนี้ออก โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือ ครับ คุณเคยคิดไหมว่าพระเจ้าทรงมีพระปรีชาสามารถมากกว่าคุณ คุณเคยคิดไหมว่าพระเจ้าทรงมีฤทธานุภาพมากกว่าคุณ คุณเคยคิดไหมว่าพระเจ้ารวยกว่าคุณ คุณกล่าว"ภราดรโฮวินด์ ทุกคนรวยกว่าผม" ตกลงครับ พระเจ้ารวยกว่าคุณแน่ๆ ลองนี่ดูนะครับ ผมพูดข้อความนี้เป็นพันครั้งแต่ไม่เคยเข้าใจมันสักครั้ง แต่ผมเอ่ยข้อความนี้บ่อยและคิดเกี่ยวกัับมันจนปวดสมอง คุณเคยคิดไหมว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับพระเจ้า พระองค์ทรงดำริทุกสิ่งแล้ว พระองค์ทรงทราบแม้แต่ทุกอย่างที่คุณเคยคิด พระคัมภีร์กล่าวว่า พระองค์ทรงเข้าใจในแผนงานแห่งความคิดทั้งปวง วรรคนี้ติดตรึงใจมากครับ พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงทราบความคิด พระองค์ทรงทราบแผนงานแห่งความคิดทั้งปวง ดูนะครับ คุณไม่เพียงแต่คิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเท่านั้น แต่คุณยังคิด เกี่ยวกับความคิดของคุณด้วย คิดดูนะครับ สมองนั้นน่าอััศจรรย์มาก พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าทรงทราบความคิดของมนุษย์ อ้อ พระคัมภีร์ลูกากล่าวว่า พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา นี่เป็นหนึ่งในบรรดาวรรคต่างๆที่พิสูจน์ว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดในสภาพเนื้อหนัง พระเจ้าทรงทราบความคิดของคุณแต่ก็ทรงรักคุณ สรรเสริญพระเจ้าในความเมตตาของพระองค์ื ใช่ไหมครับ โยบ 38:4 พระเจ้าตรัส "ถ้าเจ้ามีความเข้าใจก็บอกเรามา ผู้ใดได้กำหนดขนาดให้โลก เจ้าต้องรู้ซี" โยบไม่ตอบคำถาม จริงแล้วโยบไม่ตอบคำถามพระเจ้าสักข้อ พระเจ้าตรัส (โยบ 38:16) "เจ้าเข้าไปในตาน้ำแห่งทะเลแล้วหรือ" นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยรู้ว่ามีตาน้ำในทะเล จนค.ศ.1977(พ.ศ.2520) วิทยาศาสตร์ค่อยๆไล่ตามความรู้สองสามอย่างในพระคัมภีร์ พระเจ้าตรัส "ทางที่จะนำไปสู่สำนักของความสว่างอยู่ที่ไหน" นั่นน่าทึ่งมากครับ ผมสอนฟิสิกส์ คุณทราบไหมครับว่าแสงไม่อยู่ ณ ที่เดียว แต่มันอยู่ในเส้นทาง มันเคลื่อนไหวตลอด พระคัมภีร์กล่าวต่อไปว่า และส่วนที่มืดสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน คุณก็ทราบความเร็วแสง 186,282.4 ไมล์ต่อวินาที (300,000 ก.ม.ต่อวินาที) คุณทราบความเร็วของความมืดไหมครับ ศูนย์ ความมืดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ คราวนี้คิดนะครับ เราเป็นบุตรแห่งความสว่าง เราสมควรจะเป็นฝ่ายเคลื่อนที่ ทำอะไรเพื่อพระเจ้า คนพูดกันว่า มันมืดมนลงทุกที โลกนี้แย่เหลือเกิน เปิดไฟของคุณสิครับ มันมืดมนก็เพราะคุณ คุณเป็นแสงสว่าง เปิดไฟครับ พระคัมภีร์กล่าว ประตูแห่งนรกจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นก็หามิได้ ประตูจู่โจมคุณไม่ได้ คุณจู่โจมมัน ไปทำอะไรเพื่อพระเจ้ากันเถิดครับ วรรค 24 "ทางที่จะไปสู่ที่ซึ่งความสว่างแจกจ่ายออกไปนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งได้กระจายลมตะวันออกไปบนแผ่นดินโลก" เดี๋ยวนะครับ พระเจ้าทรงบอกโยบว่าแสงทำให้เกิดลมใช่ไหมครับ ใช่แล้วครับ คุณถามนักอุตุฯดู เขาจะบอกว่าถูกเผง แสงแดดทำให้เกิดแบบแผนของลม พื้นดินอุ่นขึ้นและมันทำให้อากาศขยายตัว เรามีลมบนแผ่นดินโลกก็เพราะแสงสว่าง ดังที่พระเจ้าตรัสไว้เมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว พระเจ้าตรัส (โยบ 38: 35) "เจ้าใช้ฟ้าแลบออกไปได้ไหม" ดีนะครับที่เราทำไม่ได้ มีกี่คนที่คุณคิิดว่าโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะคุณส่งฟ้าแลบไปไม่ได้ ผมเองนึกได้หลายคน พระเจ้าตรัส "เจ้าใช้ฟ้าแลบออกไปเพื่อให้มันไปและพูดกับเจ้าว่า 'เราอยู่ที่นี่' ได้ไหม" เดี๋ยวนะครับ พระเจ้าทรงบอกโยบว่าใช้ไฟฟ้าเพื่อส่งข้อความได้ ใช่ไหมครับ เช่นวิทยุ โทรศัพท์มือถือ ไมโครเวฟ ทีวี ไฟฟ้าส่งข้อความได้สองวิธี วิธีแรกกระแสไฟฟ้าตามสายไฟ อีกวิธีผ่านทางแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุที่ออกมาจากกระแสไฟฟ้า พระเจ้าทรงบอกโยบเมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว มาร์โคนี่และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆเพิ่งค้นพบ ประมาณร้อยปีมานี้ พระเจ้าทรงถามโยบ 84 คำถาม โยบไม่ตอบแม้แต่ข้อเดียว คำถามแบบนี้ไม่ต้องการคำตอบครับ มันถูกออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของคน ประเภทเดียวกับคำุถามที่พ่อต้องถามลูกๆ ผมมีลูกสามคน ผมทราบว่าผมกำลังพูดอะไรอยู่ครับ เมื่อเด็กๆโตถึงวัยหนึ่ง เขาจะเริ่มคิด ว่าเขาควรเป็นคนออกกฎที่บ้าน วันหนึ่งลูกเดินเข้ามา พูดว่า "พ่อฟังนะ ผมเชื่อว่าผมควรได้รับอนุุญาตให้อยู่ข้างนอก จนถึงตี 4 กับเพื่อนผม ตอนนี้ผมก็อายุ 10 ปีแล้ว คุณพ่อกล่าว "เดี๋ยวนะเจ้าลูกน้อย หนูอยากรู้ว่าทำไมหนูถึงอยู่ข้างนอกจนถึงตี 4 ไม่ได้" "เจ้าลูกชาย ให้พ่อถามคำถามเจ้าสักสองข้อ ใครจ่ายค่าไฟในบ้านหลังนี้" ใครจ่ายค่าบ้าน เจ้าลูกชาย ใครจ่ายค่าเสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่่ ใครจ่ายค่าเตียงที่เจ้านอนเมื่อคืน ใครจ่ายค่าอาหารที่เจ้ากิน และกิน และกิน และกิน และกิน และกิน ใครจ่ายค่าน้ำร้อนและสบู่ที่เจ้าใช้อาบน้ำ เมื่อเดือนนึงมาแล้ว รู้ไว้เลยนะเจ้าลูกชาย พระคัมภีร์ชัดเจนมากในข้อนี้ "ผู้ใดจ่ายบัญชี ผู้นั้นกำหนดกติกา" หนังสือ"ความเห็นอื่นๆ" บท 4 วรรค 7 เห็นไหมเจ้าลูกชาย นี่พ่อ เจ้าน่ะเป็นลูก และถ้าเจ้าจะพักอาศัยใต้ร่มเงาพ่อและกินอาหารของพ่อ เจ้าก็ต้องปฏิบัติตามวิถีทางของพ่อ และถ้าเจ้าต้องการทำตามใจตนเอง ก็จงไป หาหลังคาคุ้มหัวตัวเองและทำตามวิถีทางของเจ้า เจ้าลูกชาย นั่นคือกฎทองคำ "ผู้ใดครอบครองทองคำ ผู้นั้นกำหนดกติกา" เจ้าลูกน้อย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าอยู่ที่ไหนเมื่อเราซื้อที่ดินผืนนี้และหักร้างถางพง ขับไล่หมีกริซลี่ย์ออกไปและเดินเท้าเปล่าฝ่าหิมะขึ้นเขา 40 ไมล์ไปโรงเรียนทั้งขาไปและขากลับ กี่คนครับได้ยินคำพูดทำนองนี้เมื่อคุณยังเป็นเด็ก เข้าใจเลยใช่ไหมครับ รู้ไว้เลยนะเจ้าลูกชาย นี่พ่อ เจ้าน่ะเป็นลูก ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงทำกับโยบ พระเจ้าทรงถามโยบ 84 คำถาม โยบไม่เคยตอบสักข้อ แต่โยบเกิดการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ดูนะครับโยบมีปัญหาที่พวกเราส่วนมากมี ท่านขาดความตระหนักซาบซึ้งว่าพระเจ้าทรงเป็นใคร บทที่ 40 พระเจ้าตรัสว่า ดูเบเฮโมทเถิด เบเฮโมทนี่มันเป็นตัวอะไรครับ ตัวอะไรก็แล้วแต่ โยบดูมันได้ เพราัะพระเจ้าไม่เคยตรัสให้คุณทำอะไรที่คุณทำไม่ได้ ดูนะครับ พระเจ้าจะไม่ตรัสว่า "ดูเบเฮโมทเถิด"ถ้่าคุณไม่สามารถดูเบเฮโมทได้ นี่เป็นหลักเทววิทยาที่ลึกซึ้ง ผมทราบ แต่ไปคิดดูนะครับ หนังสือไบเบิ้ลที่มีแผนกอ้างอิงบางเล่มกล่าวว่า เบเฮโมทอาจเป็นช้างหรือฮิปโปโปเตมัส นั่นช่างน่าขันจริงๆ ไม่ครับ ผมเชื่อว่าเบเฮโมทเป็นไดโนเสาร์คอยาว มีไดโนเสาร์คอยาวอยู่ 13 ชนิด แบร็คคิโอซอร์ อะพาโทซอร์ ซีทาซอร์ (มีเก้าอี้ 'ซีท' ใหญ่ครับ) มีบลอนดาซอร์(ผมบลอนด์) คุณต้องพูดกับเธอช้าๆ (เพราะเธอไม่ค่อยฉลาด) ผมคิดว่าเบเฮโมทเป็นแบร็คคิโอซอร์ พระคัมภีร์กล่าวว่ามันกินหญ้าเหมือนวัว บางคนกล่าว "เฮ้ ไบเบิ้ลของผมบอกว่าช้าง" และช้างกินหญ้า กระต่ายบันนี่ก็กินหญ้าครับ สัตว์หลายชนิดกินหญ้า ดูวรรคต่อไปครับ กำลังของมันอยู่ในเอว ฤทธิ์ของมันอยู่ในกล้ามเนื้อท้อง ส่วนที่ใหญ่สุดของมันคือท้องครับ เขาบอกว่าช้างมีท้องใหญ่ ครับ ผมทราบ ฮิปโปโปเตมัสมีท้องใหญ่ แบร็คคิโอซอร์มีท้องใหญ่ เขามีท้องใหญ่ เขาก็มีเช่นกัน น่าขยะแขยงจริงๆ ใครครับจะตั้งท่าถ่ายรูปอย่างนั้น มันขยับหางของมันเหมือนสนสีดาร์ เดี๋ยวนะครับ หางของมันเหมือนต้นสนสีดาร์ คุณเคยเห็นหางช้างไหม นั่นทำให้คุณนึกถึงต้นสนสีดาร์ไหมครับ หรือหางฮิปโป ไม่คล้ายต้นสนสีดาร์ หางแบร็คคิโอซอร์ดูจะคล้ายต้นสนสีดาร์มากกว่าสัตว์อื่นๆที่เหลือ ก่อนที่พวกเขาจะระบุข้อความข้างท้ายลงที่ท้ายหน้าพระคัมภีร์ ผมว่าน่าจะมีเงื่อนไข ให้พวกเขาต้องอ่านข้อความนั้นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แล้วค่อยมาวิจารณ์ข้อความ นักเทศน์ครับ อ่านข้อความที่คุณจะเทศน์อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ก่อนที่คุณจะเทศน์นะครับ วรรคต่อไป(โยบ 40:18)กล่่าว "กระดูกของมันแข็งแรงเหมือนท่อนทองเหลือง กระดูกของมันเหมือนท่อนเหล็ก" มันมีกระดูกท่อนใหญ่ทนทาน และพวกมันมีจริงๆครับ นี่คือกระดูกนิ้วเท้าไดโนเสาร์จริงๆที่ผมมี ในพิพิธภัณฑ์ที่เพ็นซาโคล่า มันเป็นกระดูกข้อนิ้วอัันหนึ่งจากแบร็คคิโอซอร์ ต่อไปนี้จะเริ่มซับซ้อน ตั้งใจฟังนะครับ มันมีกระดูกนิ้วเท้าใหญ่อย่างนั้น เพราะมันมีนิ้วเท้าใหญ่ กี่คนคิดออกแล้วโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือ สี่ ห้า หกคน มันมีนิ้วเท้าใหญ่ เพราะมันมีเท้าใหญ่ นี่เด็กคนหนึ่งกำลังอาบน้ำในรอยเท้าแบร็คคิโอซอร์ รูปนี้อยู่ในหนังสือชื่่อ "ในย่างก้าว" มันมีเท้าใหญ่ เพราะมันมีขาใหญ่เพื่อดึงเท้านั้นอยู่ ขาหน้าของมันสูง 20 ฟุต(6 เมตร) ไดโนเสาร์ใหญ่ที่สุดที่เคยค้นพบสูง 60 ฟุตจรดถึงกระหม่อมบนหัวมัน พบที่มลรัฐโอคลาโฮม่า พวกเขากล่าวว่า จะต้องใช้เวลา 20 ปีกว่าจะขุดกระดูกออกมาหมด เป็นโครงการของรัฐบาล พวกเขากล่าวว่าเมื่อมันมีชีวิตอยู่มันคงจะหนักเป็นร้อยตัน ร้อยตันหนักเท่ากับรถบัสโรงเรียน 14 คันรวมกัน หมายความว่าถ้ามันเดินมาเหยียบคุณเข้า มันจะ"ประทับใจ(ประทับรอย)คุณอย่างหนัก"เลยครับ คุณจะกลายเป็นพิซซ่าถนน อ้อ พูดถึงโครงการรัฐบาล ผมต้องบอกคุณถึงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของผม มันจะืทำให้ผมเป็นคนรวยที่สุดบนดาวเคราะห์โลก ผมจะประหยัดเงินจำนวนมากแก่กรมทางหลวง ทีมงานก่อสร้าง บริษัทสาธารณูปโภคต่างๆ และกองทัพด้วยครับ ผมขอแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่ประหยัดได้ ผมก็จะเป็นคนรวยที่สุดบนดาวเคราะห์โลก ผมประดิษฐ์พลั่วที่ตั้งเองได้ คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายชายเหล่านี้ให้ยืนตั้งพลั่วต่อไป ขอบคุณครับ ขอบคุณ วรรคต่อไป(โยบ 40:19)กล่าว "มันเป็นพระราชกิจชิ้นที่สำคัญของพระเจ้า" มันเป็นสิ่งสำคัญ ในภาษาฮีบรูคือคำว่า เร-ชีท มันเป็นสิ่งสำคัญ มันเป็นสิ่งหลัก มันเป็นสัตว์บกใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าทรงสร้าง นั่นไม่ใช่ช้างหรือฮิปโปโปเตมัสครับ นั่นเป็นแบร็คคิโอซอร์ และนั่นเข้ากับรูปแบบวิิถีทางที่พญามารชอบทำ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสิ่งต่างๆ พญามารพยายามทำลายสิ่งเหล่านั้น พระเจ้าทรงสร้างสิ่งสวยงาม ซาตานพยายามทำลายสิ่งเหล่านั้นเสมอ คำถาม "พระเจ้าของคุณใหญ่แค่ไหน" คุณเคยคิดไหมครับ เมื่อคุณหยุดและอธิษฐานโดยกล่าวว่า "พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์" คุณทราบบ้างไหมว่าคุณกำลังพูดกับใครอยู่ คุณเคยหยุดและคิดในข้อนี้ไหม คุณกำลังจะพูดกับใครอยู่ ผมหมายถึง เมื่อคุณนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และกำลังจะอธิษฐาน "โอเค องค์พระผู้เป็นเจ้า อวยพระพรพวกเรา เมื่อเรารับประทานอาหารนี้ เอเมน" เราคาดว่าพระเจ้าจะเสด็จมาเหมือนลูกหมาเวลาเราเรียกมัน เราทำอย่างนั้นใช่ไหมครับ "โอเค พระเจ้า ตอนนี้ผมมีเวลาให้พระองค์แล้ว ตั้งใจฟังนะ นี่คือคำอธิษฐานของผม" "ให้สิ่งนี้แก่ผม ให้ผมได้สิ่งนี้่ ให้่ผมมีสิ่งนี้ ให้สิ่งนี้แก่ผม ให้ผมได้สิ่งนี้่ - และให้เร็วๆด้วย" สรุปออกมาได้แค่นั้น ใช่ไหมครับ คุณเคยหยุดและคิดจริงๆจังๆไหมว่าคุณกำลังพูดกับใครอยู่ พระเจ้าของคุณใหญ่แค่ไหน พระเจ้าของคุณใหญ่พอที่จะตรัสบอกให้คุณทำอะไรไหม และคุณก็ทำ โดยไม่มีคำถาม เช่น พระเจ้าทรงบอกคุณว่าให้ใส่เสื้อผ้าอย่างไหนไหมครับ 1 ทิโมธี 2:9 กล่าวว่า ผู้หญิงให้แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ดูนะครับ คุณพ่อผมกล่าวเสมอว่า "ถ้าคุณไม่ได้ทำธุรกิจ ก็อย่าโฆษณา" พระเจ้าทรงบอกคุณว่าให้ตัดผมอย่างไรไหมครับ 1 โครินธ์ 11:14 กล่าวว่า เป็นที่น่าอายแก่ตัวที่ผู้ชายจะไว้ผมยาว เมื่อผมได้รับการช่วยให้รอดจากความบาป ผมเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิต ผิวแทน ผมบลอนด์ยาว ผมอ่านตรงนั้น ผมกล่าว โอ้ ว้าว ต้องไปตัดผมแล้ว ไม่ต้องปราดเปรื่องก็เข้าใจข้อความนั้นครับ พระเจ้า พระองค์ไม่พอพระืทัย ดังนั้นข้าพระองค์จะทำตามพระองค์ ไม่ต้องปราดเปรื่องคุณก็เข้าใจครับ พระเจ้าของคุณใหญ่แค่ไหน ใครเป็นพระเจ้าในชีวิตคุณ ถ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าจริงๆ ก็อ่านพระคัมภีร์และทำตามที่พระองค์ตรัส จบเรื่องครับ พระเจ้าทรงบอกคุณว่าควรจะพูดอย่างไรไหมครับ เอเฟซัส 4:29 กล่าวว่า "อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย" พระเจ้าทรงพอพระืทัยกับทุกอย่างที่ออกมาจากปากคุณไหมครับ (ลูกา 6:45) "ด้วยใจเต็มด้วยอะไร ปากก็พูดออกมาอย่างนั้น" เป็นวรรคที่ดีที่จะกล่าวกัับคนที่คุณได้ยินเขาเอ่ยคำผรุสวาท พระเจ้าทรงควบคุมสิ่งที่คุณชมทางทีวีไหมครับ เพลงสดุดี 101 กล่าวว่า ข้าพระองค์จะไม่ตั้งสิ่งใดๆที่ชั่วช้าไว้ต่อหน้าต่อตาของข้าพระองค์ คุณได้ตั้งสิ่งชั่วช้าไว้ต่อหน้าต่อตาคุณไหมครับ สมมุติว่าคุณตั้งกฎ ลองสมมุติว่าคุณตั้งกฎที่บ้านนะครับ ถ้าคุณได้ยินคำผรุสวาททางทีวี คุณจะปิดทีวี 2 ชั่วโมง ถ้าคุณเห็นคนแต่งกายไม่สุภาพเรียบร้อยในทีวี คุณจะปิดทีวี 2 ชั่วโมง ถ้าคุณเห็นคนดื่มสุราเมรัย คุณจะปิดทีวี 2 ชั่วโมง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณตั้งกฎง่ายๆสามข้อนี้ที่บ้าน คุณจะดูโทรทัศน์มากแค่ไหน ไม่เลยครับ เพราะฉะนั้นคุณก็ขายทีวีทิ้งได้ และมอบเงิน 30 เหรียญต่อเดือนค่าเคเบิ้ลให้มิชชันนารี เราก็จะสามารถชนะจิตวิญญาณคนทั้งโลกเพื่อพระคริสต์ ว่าไหมครับ พระเจ้าทรงบอกคุณว่าควรจะฟังดนตรีประเภทไหนไหมครับ เอเฟซัส 5:19 "จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการและเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า" พระเจ้าทรงพอพระทัยกับดนตรีของคุณไหมครับ ดูนะึครับ พระัเจ้าทรงโปรดปรานดนตรี พระองค์ทรงสร้างดนตรี แต่ซาตานได้คิดค้นดนตรีอธรรมบางอย่างที่คุณไม่ควรฟัง ครั้งหนึ่งมีคนถามผมว่า โฮวินด์ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณจะได้อะไร เมื่อคุณเล่นเพลงบ้านนอก(เพลงคันทรี่ย์)ย้อนหลัง ผมตอบ"ไม่รู้สิ" คุณจะได้ภรรยาคืนมา สุนัขจะกลับมา ได้รถปิ๊กอัพคืนมา และคุณจะได้ออกจากคุก พระเจ้าได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง คุณทราบไหมว่าพระเจ้าทรงประดิษฐ์การแต่งงาน ครอบครัว และความสัมพันธ์ทางเพศ พระองค์ทรงประดิษฐ์ทั้งหมดนั้น และทรงมีพระประสงค์ให้มันเป็นสิ่งดีเยี่ยม พระองค์จึงทรงกำหนดกฎเกณฑ์บางข้อ หนุ่มๆครับ อย่าเพิ่งแตะต้องสาวๆ จนกระทั่งคุณแต่งงานกับเธอนะครับ แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกอยากแตะต้องสาวๆ ก็อยู่ห่างๆจากผมนะครับ ผมเห็นประเภทของคุณที่ซานฟรานซิสโก พระเจ้าทรงวางกฎเกณฑ์ เพราะพระองค์ทรงปรารถนาสิ่งดีที่สุดสำหรับคุณ พระองค์ตรัส(สุภาษิิต 6:26) "หญิงชู้ไล่ล่าชีวิตประเสริฐ" พระเจ้าไม่ทรงมีพระประสงค์ให้คุณไล่ล่าหาชีวิตประเสริฐ พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้คุณมีชีวิตประเสริฐ คุณทราบไหมว่าทำไมพวกฮอลลีวู้ดแต่งงานใหม่ทุกๆหกเดือน บริทนี่ย์ เสปียร์แต่งงานแค่ 55 ช.ม. เจนนิเฟอร์ โลเปซ 7 เดือน แบรนดี้ นอร์วู้ดไม่ถึง 2 ปี ไม่ถึง 6 เดือน ช้าก ช้าก กาบอร์ 1 วัน คุณทราบไหมว่าทำไมพวกเขาต้องแต่งงานใหม่อีกหลังจาก 6 เดือน พวกเขากำลังไล่ล่าหาชีวิตประเสริฐ พวกเขาไม่มีชีวิตประเสริฐ ฟังให้ดีนะครับ อย่าไปให้ความสนใจกับฮอลลีวู้ด พวกเขาไม่รู้เรื่องเลย พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยในโลกนี้ ว่าจะมีชีวิตประเสริฐได้อย่างไร ถ้าคุณต้องการมีชีวิตประเสริฐ ก็รักษาความบริสุทธิ์ จนกระทั่งคุณเดินเข้าพิธีแต่งงาน นักเทศน์ถามว่าคุณจะรับไหม และคุณกล่าวว่าผม(หรือดิฉัน)จะรับ อะไรก็แล้วแต่ที่เขากล่าว แล้วคุณก็ซื่อสัตย์มั่นคงต่อคู่ชีวิตของคุณตลอดชีวิต นั่นคือชีวิตประเสริฐ อย่าหลงเชื่อฮอลลีวู้ดแม้แต่วินาทีเดียวครับ พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยว่าจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดได้อย่างไร พระเจ้าทรงสร้างสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดังที่กล่าวในปฐมกาล 1:21 พระเจ้าทรงสร้างไดโนเสาร์ พระองค์ทรงสร้างพวกมัน แต่ซาตานกล่าวว่า "ข้าว่าต้ิองมีวิถีทางสักอย่าง ที่ข้าจะใช้ไดโนเสาร์เพื่อต่อต้านพระเจ้า" แต่มันหลอกอาดัมด้วยไดโนเสาร์ไม่ได้ อาดัมเป็นคนตั้งชื่อไดโนเสาร์ นึกภาพออกไหมครับ พญามารเดินเข้าไปหาอาดัมแล้วพูดว่า "เฮ้ อาดัม รู้หรือเปล่าว่าไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" อาดัมจะกล่าวว่า "แกนี่โง่หรือไร" มีตัวหนึ่งหลังบ้านตรงนั้นกินต้นเชอร์รี่อยู่ หมายความว่าอย่างไร"หลายล้านปีมาแล้ว" พญามารหลอกท่านโนอาห์ไม่ได้ ท่านให้อาหารพวกมันทุกวันในปีที่เกิดน้ำท่วมโลก แต่ช่วง 4,000 ปีถัดมา ไดโนเสาร์ก็หายากขึ้น พวกมันตายไป ถูกฆ่าหรืออะไรก็แล้วแต่ ด้วยสาเหตุบางประการพวกมันได้ตายลงไป ถึงค.ศ.1809(พ.ศ.2352) พวกมันเกือบสูญพันธุ์ มีคนค้นพบกระดูกและต่อกระดูกเข้าด้วยกัน ในค.ศ.1809(พ.ศ.2352) ไดโนเสาร์ตัวแรกที่มนุษย์รู้จักได้ถูกต่อเข้าด้วยกันสำหรับพิพิธภัณฑ์ ซาตานอยู่ที่นั่นวันนั้นและกล่าว "ว้าว นี่เป็นโอกาสของข้าแล้ว" สัตว์เหล่านี้อยู่ร่วมกับมนุษย์เสมอมา ข้ารู้ พระเจ้าก็รู้ แต่มนุษย์พวกนี้ไม่รู้หรอก พญามารจึงกล่าวว่า "ข้าว่า ข้าจะบอกทุกคนว่าพวกมันมีชีวิตอยู่เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" ถ้าพวกเขาเชื่อ พวกเขาจะสงสัยพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ถ้ากลยุทธ์นี้ได้ผล คุณก็ทราบ ช่วง 200 ปีที่ผ่านมา เด็กๆไปโรงเรียนอนุบาลและได้รับหนังสือทำนองนี้ ชื่อหนังสือ "ฉันอ่านเรื่องไดโนเสาร์์ได้" ใครจะเดาไหมว่าประโยคแรกในหนังสือกล่าวว่าอะไร "เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" มีเด็กกี่คนในเมืองที่คุุณอยู่ถูกสอนมาว่าอย่างนั้น โดยที่คุณเป็นคนจ่ายเงินเพื่อการทำลายล้างคนรุ่นต่อไป นั่นอาจจะไม่รบกวนใจคุณ แต่มันรบกวนใจผมครับ และถ้าคุณคิดว่าผมให้ภรรยาที่งามยิ่งของผมอยู่บ้าน ส่วนผมเดินทางไปทั่วโลก หลายปีมาแล้วครับ ที่ผมเดินทางเกินกว่า 200 วันต่อปี ปีที่แล้ว ผมนั่งเครื่องบิน 215 ครั้ง พูดสัมนาเกินกว่า 900 ครั้ง ถ้าคุณคิดว่าผมปล่อยให้ภรรยาที่งามยิ่งและหลาน 4 คนอยู่บ้าน เพราะผมชอบออกไปข้่างนอก คุณคิดผิดแล้วครับ ผมขออยู่บ้านดีีกว่า แต่ตอนนี้ติดพันศึกสงครามอยู่ ต้องมีคนเตือนทหารครับ "ฮัลโหล ติดอาวุธ หยิบปืน ไปสู้" บนโลกนี้มีเด็กหลายพันล้านคนถูกล้างสมอง และซาตานกำลังใช้ไดโนเสาร์เพื่อการนั้น หนังสือแทบทุกเล่มกล่าวว่า"เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" แถมเรายังมีคริสเตียนบางคน ที่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้โดยสิ้นเชิงเพราะพวกเขาไม่มีคำตอบ 2 ทิโมธี 2:15 "จงหมั่นศึกษาค้นคว้าเพื่อสำแดงตนเองให้เป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า หาคำตอบแล้วแชร์กับคนอื่น หนังสือกล่าวว่า "เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" ผมไปพิพิธภัณฑ์เสมอ มันทำให้ผมเดือดปุดๆ คุณเห็นเด็กเป็นร้อยๆผ่านโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่จัดแสดงอยู่อย่างสวยงาม เดาสิครับว่าป้ายข้างใต้เขียนว่าอะไร "เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" คริสเตียนดูจะไม่เข้าใจจุดนี้ พิพิธภัณฑ์และศูนย์วิทยาศาสตร์ นั่นโบสถ์ของพวกเขาครับ พวกเขากำลังประกาศข่าวประเสริฐของพวกเขา เหมือนกับพวกคุณกำลังพยายามประกาศข่าวประเสริฐของพวกคุณ และพวกเขากำลังใช้เงินภาษีของคุณเพื่อประกาศข่าวประเสริฐของพวกเขา มันเกิดขึ้นอย่างนั้นครับ"เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว" พระคัมภีร์กล่าวว่า เบเฮโมทนอนอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา ในเพิงอ้อและในบึง คำว่า "fens" เป็นคำเก่าแก่ในภาษาอังกฤษ แปลว่า บึง คุณทราบไหมว่า บึงใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ใจกลางทวีปแอฟริกา เรียกว่า บึงลิคามาล่า บึงนั้นใหญ่มหึมาครับ คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่รู้ซึ้งถึงขนาดของทวีปแอฟริกา นี่ครับ ทวีปแอฟริกาเทียบข้างๆกับทั้งสหรัฐอเมริกา แอฟริกานี่ใหญ่ยักษ์ครับ บึงนั้นมีขนาดเท่ากับรัฐฟลอริด้า 55,000 ตารางไมล์ (140,000 ตารางก.ม.) บึงนั้นใหญ่มหึมา คุณทราบไหมว่า จนทุกวัันนี้ 80% ของบึงมหึมานี้ยังไม่ได้รับการสำรวจ ค.ศ.1885(พ.ศ.2428) ประเทศคองโกในแอฟริกาได้ถูกยึดครองโดยประเทศเบลเยี่ยม คนเรียกมันว่าเบลเยียนคองโกเป็นเวลาหลายปี ค.ศ.1960(พ.ศ.2503) คอมมิวนิสต์ได้ปลดแอกประเทศนี้ คุณทราบไหมว่า คอมมิวนิสต์ปลดแอกประเทศต่างๆอย่างไร พวกเขาฆ่าทุกคนทิ้งครับ "โอเค เจ้าเป็นอิสระแล้ว" มีรายงานเกี่ยวกับบึงนั้นจากช่วงค.ศ.1700 กว่าๆ(พ.ศ.2243-2342) เมื่อมิชชันนารีไปที่นั่นในตอนแรก พวกเขากล่าวว่ายังมีไดโนเสาร์อาศัยอยู่ในบึงนั้น ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่เนี่ยนะครับ ค.ศ.1910(พ.ศ.2453) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กเฮราลด์ตีพิมพ์ข้อเขียน เกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในบึงต่างๆของแอฟริกา นี่หนังสือพิมพ์แซทเทอร์เดย์อีฟนิ่งโพสต์ค.ศ.1948(พ.ศ.2491) "อาจมีไดโนเสาร์"เป็นๆในแอฟริกา นักล่าสัตว์ใหญ่คนหนึ่งชื่อนายก็อบเบลอร์ เดินทางกลับจากประเทศแองโกล่า เขาประกาศต่อหนังสือพิมพ์ของเมืองเค้ปทาวน์ ชื่อเค้ป อาร์กัส "สัตว์ตัวหนึ่งมีขนาดใหญ่ คำบรรยายเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้ตรงกับไดโนเสาร์เท่านั้น" คนพื้นเมืองเรียกมันว่า ชิพิควี ในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกากลางเรียกมันว่า นูกุรี คุณรอย แม็กคัลไปที่นั่น ในค.ศ.1980(พ.ศ.2523)เพื่อทำการสำรวจ เขาใช้เงินไป 250,00 ดอลลาร์ ปีถัดไปเขากลับไป และเขาไปที่บึงนั่น เขากล่าวว่าบึงนั้นเป็นบึงที่น่าสังเวชที่สุดแห่งดาวเคราะห์โลกนี้ มียุงลงมาเกาะด้วยอัตราพันตัวต่อชั่วโมง ตลอดเวลา เหมือนฝุ่นละอองรอบตัวคุณ ยุงกระหายเลือด ทั้งนั้น 95 องศาฟาเรนไฮต์(35 องศาเซลเซียส) ความชื้น 95% ตลอดเวลา ขณะที่พวกเขาเดินทางไปรอบบึงนั้น คนพื้นเมืองได้พูดถึงสัตว์ชนิดหนึ่งเรียกว่า มาฮัมบา เขาถามว่า สัตว์อะไรหรือ และเขาโชว์รูปจระเข้ให้คนพื้นเมืองดู พวกเขาตอบ"ใช่แล้ว นั่นมาฮัมบา" เขาถามว่า มันโตได้ถึงขนาดไหน พวกเขาเดินวัดระยะบนพื้นทราย ยาว 50 ฟุต(15 เมตร). ถ้าคุณเป็นชาวพิกมี่สูง 4 ฟุต 4 นิ้ว(1.3 เมตร) จระเข้ยาวห้าสิบฟุตก็จะดูตัวใหญ่มาก ทุกคนพูดว่า"ไม่หรอก จระเข้ไม่เคยโตเกิน 17 ฟุต(5.2 เมตร)" ผมว่านั่นผิดครับ ในฤดูร้อนค.ศ.2005(พ.ศ.2548) พวกเขาฆ่าจระเข้ยาว 24 ฟุตในบึงเดียวกันนั้น แน่นอน คนพื้นเมืองก็จะพูดว่า "คุณน่าจะได้เห็นตัวโตจริงๆ" คนพื้นเมืองพูดถึงสัตว์อีกชนิดเช่นกันที่พวกเขาเรียกว่า โมเคอเล อัมเบ็มบี่ โมเคอเล อัมเบ็มบี่ ตัวอะไรครับนั่น ถ้าคุณโชว์รูปอะพาโทซอร์ให้พวกเขาดู เขาก็จะบอกว่า"ใช่แล้ว นั่นละ โมเคอเล อัมเบ็มบี่" คนพื้นเมืองกล่าวอ้างว่าสัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่ใต้น้ำ หายากมาก แน่นอนสิครับพวกมันอยู่ลึกในบึงนั้นในแอฟริกาตอนกลาง ไม่มีใครออกไปที่นั่นตอนกลางคืนอยู่ดี ที่นั่นไม่มีแสงอะไรเลยตอนกลางคืน มีคนเห็นสัตว์เหล่านี้ส่วนใหญ่ในเวลาเช้าตรู่หรือตอนโพล้เพล้ ขณะที่พวกมันออกมา และต้นไม้โปรดของมันคือ ต้นโมล็อมโบ นี่ครับ ดร.แม็กคัลกำลังถือต้นโมล็อมโบ ดร.แม็กคัลเป็นศาสตราจารย์สาขาจุลชีววิทยา ที่มหาวิทยาลัยแห่งชิคาโก เขาไปที่นั่นและได้ศึกษาทั้งหมดนี้อย่างถี่ถ้วน เขากลับมาและเขียนหนังสือชื่อว่า "ไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่" เขาเชื่อในวิวัฒนาการ แต่หนังสือของเขารวบรวมหลักฐานดีมาก ว่าไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ในบึงของแอฟริกา พวกเขาค้นพบรอยเท้าเจ้าสัตว์นั้น เพื่อนผมคนหนึ่ง ชื่อคุณยูจีน โทมัส ไปเป็นมิชชันนารีที่นั่น 43 ปี ปัจจุบันเขาอยู่ที่มลรัฐโอไฮโอ นี่เบอร์โทรของเขา โทรหาเขาดูนะครับ เขาอยู่ที่นั่น 43 ปี เขากล่าว "มีพิกมี่สองคนในโบสถ์ผม ที่ฆ่าและกินมันตัวหนึ่ง" ไดโนเสาร์ มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ในบึงนั้นมานาน นักชีววิทยาชาวเบลเยียนคองโกคนหนึ่งเดินทางทวนน้ำในแม่น้ำ 500 ไมล์จากบ้านเขา และได้กล่าวว่าเขาเห็นตัวหนึ่ง แต่กล้องของเขาไม่ทำงานเนื่องจากความร้อนและความชื้นสูง มีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับไดโนเสาร์ในบึงนั้น คุณศึกษาได้ด้วยตนเอง คนกลุ่มหนึ่งไปที่นั่นและกล่าวว่า สัตว์นั้นมีสีน้ำตาลแก่ ผิวหนังลื่นและเกลี้ยงเกลา คอยาวและหัวเล็ก พวกเขาได้ยินเสียงมัน เห็นมัน มันกำลังส่งเสียงคำราม แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายคนก็ได้เห็นมัน มีข้อเขียนในหนังสือพิมพ์บอสตันเฮราลด์ เกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งไปหาไดโนเสาร์ที่นั่น ไดโนเสาร์ตัวหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ในบึงมหึมาและส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการสำรวจของคองโก คุณแค่พิมพ์คำว่า"Crypto zoology" (สัตวพิศวงวิทยา, คริปโต ซูโอโลจี) คริปโตแปลว่าลี้ลับ ซ่อนเร้น และซูโอโลจีแปลว่าการศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ พิมพ์คำว่า Crypto zoology คุณจะพบสิ่งสารพัดเกี่ยวกับไดโนเสาร์ืัที่ยังมีชีวิตอยู่ คนพื้นเมืองกล่าวอ้างว่าสัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่ในถ้ำเลียบแม่น้ำ คุณวิลเลี่ยม กิบบอนส์เคยไปที่บึงคองโกมาแล้ว 4 ครั้ง เขาและผมเขียนหนังสือสำหรับเด็กชื่อ"เล็บ เขี้ยว และไดโนเสาร์" ร่วมกัน คุณวิลเลี่ยม กิบบอนส์เขียนถึงผมว่า "ไกด์ของเราคุณปิแอร์ ซิมาบอกว่า พวกเราเป็นคนผิวขาวกลุ่มแรก ที่ได้เดินทางเข้าไปในป่าและบึงติดกับแม่น้ำโบอัมบา" "คนให้ข้อมูลของเราซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาวพิกมี่เผ่าบาคา ยกเว้นชายมุสลิมสูงอายุชาวคาเมรูนคนหนึ่ง ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับสัตว์ทุกชนิดในบึง ทั้งชนิดที่รู้จักกันทั่วไปและชนิดที่คนไม่รู้จัก ในขณะที่พวกเขาไม่คิดว่าเลอคิล่า อัมเบ็มบี (ชื่อในอีกภาษาหนึ่ง) เป็นสัตว์แปลกประหลาด แต่พวกเขากลัวสัตว์ชนิดนี้เพราะความดุร้ายของมัน มันทำร้ายฮิปโป ช้าง และจระเข้ ดูเหมือนว่า สัตว์ชนิดนี้ไม่มียอมอดกลั้นอดทนต่อสัตว์ใหญ่อื่นๆที่ใช้แม่น้ำร่วมกันเลย มันคุมฝั่งแม่น้ำยาวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่มีอาหาร" "เราได้เห็นสัตว์สองชนิดที่สงสัยว่าเป็นไดโนเสาร์คือ โมเคอเล อัมเบ็มบี่ และ เนอกู้บู๋ เป็นประจำ ผมถามสามีภรรยาอาวุโสชาวบาคาที่ทำงานที่ไร่ของคุณปิแอร์ เช่นเดียวกับชาวพิกมี่ส่วนใหญ่ ทั้งสองคุ้นเคยกับพืชพรรณและสัตว์ในบริเวณนั้นเป็นอย่างดี ผมให้พวกเขาดูหนังสือที่มีรูปสัตว์ที่เป็นที่รู้จักของแอฟริกา และรูปไดโนเสาร์ พวกเขาไม่รู้จักประมาณ 98% ของรูปไดโนเสาร์ ยกเว้นอยู่สองรูป ซึ่งพวกเขาเลือกออกมาโดยไม่ลังเล ว่่าพวกเขาเคยเห็นมัน รูปหนึ่งเป็นรูปไดโนเสาร์จำพวกเซาโรพ็อด(ตะกวด จระเข้ยักษ์) อีกรูปเป็นรูปไดโนเสาร์สามเขา(ไตรเซอราท็อป)" ทำไมคนที่อาศัยอยู่ใจกลางบึงในแอฟริกาถึงกล่าวว่า "ใช่แล้วละ เราเคยเห็นตัวนั้น" มิชชันนารีชื่อคุณคาล บอมเบย์ อยู่ในประเทศเคนยาเป็นเวลาหลายปี เขากล่าวว่าเขาและภรรยาเคยเห็นสัตว์พวกนี้ตัวหนึ่ง แต่แผ่นบนหลังของมันใหญ่กว่านี้ คล้ายกับสเต็กโกซอร์มากกว่า ที่อเมริกาใต้ พวกเขามีป่าอเมซ็อนซึ่งใหญ่โตมโหฬาร ในค.ศ.1907(พ.ศ.2450) กองทัพบกของอังกฤษได้ส่งพันเอก พี. เอ็ช. ฟอว์เซ็ตต์ ไปทำเครื่องหมายกำหนดเขตแดนระหว่างบราซิลและเปรู เขาเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานวิศวกรหลวง และเป็นที่รู้จักกันว่าเขาเขียนรายงานข้อเท็จจริงโดยละเอียดมาก ในบึงเบนี่ เขากล่าวว่าเขาเห็นสิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็น ดิโพลโดคัส คนพื้นเมืองและชนเผ่าต่างๆแถบนั้นกล่าวว่า "ใช่แล้วละ เจ้าสัตว์นั้นยังคงอาศัยอยู่ในบึงนี้" บุตรชายของพันเอกฟอว์เซ็ตต์ได้วาดรูปสเก็ตช์ของรอยเท้า ในค.ศ.1883(พ.ศ.2426) วารสารไซน์ทิฟิกอเมริกัน ตีพิมพ์ข้อเขียนนี้ ก่อนที่พวกเขาจะไปยึดมั่นกับวิวัฒนาการ ข้อเขียนทำนองนี้ไม่มีทางปรากฎในวารสารไซน์ทิฟิกอเมริกันในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันพวกเขาอุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ทฤษฎีวิวัฒนาการ ข้อเขียนนั้นกล่าวว่า "รัฐมนตรีของบราซิลที่ลาพาซ ประเทศโบลิเวีย ได้ส่ง ไปถึง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศที่กรุงริโอ เป็นภาพถ่ายต่างๆจากรูปวาด ของสัตว์์จำพวกเซาเรียน(ไดโนเสาร์)เหนือธรรมดา ที่ถูกฆ่าที่เบนี่หลังจากถูกยิง 36 นัด โดยคำสั่งของประธานาธิบดี ซากแห้งนั้นได้ถูกเก็บไว้และส่งไปที่ลาพาซ" มันยาว 12 เมตร(39 ฟุต) จากจมูกถึงปลายหาง มีเกราะเป็นเกล็ด คอยาว และท้องใหญ่เกือบลากพื้น ศาสตราจารย์กิลเวติตรวจสอบสัตว์นี้ และกล่าวว่ามันเป็นสมาชิกของสปีซี่ส์ที่หายสาบสูญ ชาวอินเดียนแดงแถบนั้นปั้นภาชนะดินเล็กๆรูปทรงเดียวกัน เผลอๆเลียนแบบจากธรรมชาติ ไดโนเสาร์หรือเปล่า สามวันก่อน มิชชันนารีชื่อคุณวอห์น กอฟฟ์โทรมาหาผม เพราะผมกำลังขับขึ้นมาที่อินเดียน่านี่ เขาบอก คนพื้นเมืองแถบที่เขาอยู่พูดถึงตะกวดยาว 30 ฟุต(9 เมตร) สูง 5 ฟุต มันทำเสียงดังเหมือนฟ้าร้องทำให้เหยื่อตกใจกลัว ชาวอินเดียนแดงเผ่าไวไวเรียกมันว่า อูรูแฟรี พวกเขาหวาดกลัวสัตว์ชนิดนี้มาก อีเมล์เขา ถ้าคุณต้องการคุยเรื่องไดโนเสาร์ที่ยังอยู่ในบึงที่นั่นนะครับ นี่เป็นงูยักษ์ที่ถูกฆ่าเมื่อหลายปีมาแล้ว มันยาว 35 ฟุต(10.7 เมตร) มันกินชายคนหนึ่งซึ่งผล็อยหลับในช่วงเวลางาน สหายครับ เป็นไอเดียที่ดีนะครับที่จะพยายามตื่นในช่วงเวลางาน งูตัวนี้ในอินโดนีเซียคนรายงานว่ายาว 49 ฟุต(15 เมตร) ผมไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า คนอาจกล่าวเกินความจริง แต่นี่ก็เป็นรายงานข่าวงูยักษ์ที่นั่นครับ พันเอกเพอร์ซี่ ฟอว์เซ็ตต์กล่าวว่าเขาได้ฆ่างูอนาคอนดายาว 62 ฟุต(19 เมตร) และคนพื้นเมืองหวาดกลัวมาก พวกเขากล่าว"นายพัน ถ้ามันมีตัวนึง มันก็ต้องมีอีกตัวด้วย" ค.ศ.1933(พ.ศ.2476) เจ้าหน้าที่ชายแดนระหว่างบราซิลกับโคลัมเบียได้ฆ่างูยาว 98 ฟุต(30 เมตร) เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ฟุต มันหนัก 2 ตัน พวกกุ๊กจากโรงแรมในอเมซ็อนกล่าวว่า พวกเขาเคยเห็นงูยาว 100 ฟุต(30.5 เมตร) กองทัพได้ตามล่ามัน หลังจากที่มันฆ่าและกินทหารไป 2 นาย หัวมันยาว 5 ฟุต(1.5 เมตร) ค.ศ.1997(พ.ศ.2540) สำนักข่าึุวรอยเตอร์รายงานข่าวงูยาว 130 ฟุต(39.6 เมตร) และนี่ครับ สิ่งนี้ลอยตามแม่น้ำอเมซ็อนมา ไม่มีใครจิ้มดูว่ามันยังมีชีวิตหรือเปล่า เขารายงานว่าสิ่งนี้ยาวเกือบ 150 ฟุต(46 เมตร) แม่น้ำอเมซ็อนใหญ่มโหฬารครับ ศิษย์เก่าของผมเป็นมิชชันนารีกล่าวว่า แม่น้ำอเมซ็อนเมื่อมีน้ำแค่ครึ่งหนึ่ง กว้าง 9 ไมล์(14.5 ก.ม.) แม่น้ำอเมซ็อนทั้งยาวทั้งกว้างครับ ทะเลสาบแห่งหนึ่งในสก็อตแลนด์เรียกว่าทะเลสาบล็อคเนสส์ ใครเคยได้ยินชื่อล็อคเนสส์ครับ ล็อคเนสส์เป็นทะเลสาบที่ใหญ่มโหฬาร ยาว 24 ไมล์(39 ก.ม.) กว้างเกินกว่า 1 ไมล์(2 ก.ม.) และลึกถึง 900 ฟุต(275 เมตร) มันใหญ่พอที่จะให้ทุกคนบนดาวเคราะห์นี้จมอยู่ในนั้นพร้อมๆกัน มันบรรจุประชากรทั้งหมดของโลกได้ 6 พันล้านคนอยู่ในทะเลสาบนั้นได้ มันใหญ่มโหฬาร ในค.ศ.1933(พ.ศ.2476) มีการตัดถนนผ่านภูเขา ก่อนหน้าค.ศ.1933 ถ้าคุณต้องการดูทะเลสาบ คุณต้องปีนเขา หรือล่องเรือของคุณเองทวนแม่น้ำไป 7 ไมล์(11 ก.ม.) เลยไม่ค่อยมีคนไปกัน ประชากรเบาบางมาก ในค.ศ.1933 เมื่อมีถนนตัดผ่าน มีคนเห็นสัตว์ประหลาดล็อคเนสส์ 52 ครั้งต่างๆกัน ผู้เขียนนี้กล่าวว่า มีรายงานการเห็นแล้ว 9,000 ครั้ง จนถึงค.ศ.1960กว่าๆ(พ.ศ.2503-2512) เมื่อเขาเขียนหนังสือเล่มนี้ ปัจจุบันมีรายงานคนเห็นสัตว์ประหลาดล็อคเนสส์รวมแล้วกว่า 11,000 ครั้ง 11,000 ครั้งครับ! แน่นอนครับ บ้างก็ปลอม บ้างก็หลอกลวง ผมไม่เชื่อถือหนังสือพิมพ์บางฉบับ พวกที่ตีพิมพ์เรื่องประหลาดๆเยอะแยะในนั้น เซอร์ปีเตอร์ สก็อตต์เป็นสมาชิกรัฐสภา ท่านกล่าวว่าท่านเห็นมัน ท่านเชื่อว่ามันเป็นพลีสิโอซอร์ แทบทุกคนที่เห็นมันกล่่าวว่ามันเป็นสัตว์ชนิดนี้ พลีสิโอซอร์ คอยาว ครีบแผ่นใหญ่สี่อัน ชายคนหนึ่งเขียนหนังสือ เขากล่าวว่า "บางคนคิดว่าเนสซี่เป็นพลีสิโอซอร์ แต่มีข้อผิดพลาดประการหนึ่งเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ เชื่อกันว่าพลีสิโอซอร์ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว" นั่นคือข้อผิดพลาดเกี่ยวกับทฤษฎีหรือครับ เขา"เชื่อ"ในวิวัฒนาการนี่เอง ผมคิดว่า วิวัฒนาการเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา ต่อการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ คุณควรจะพิจารณาความจริง ช่างทฤษฎีเถอะ ดูความจริงก่อน แล้วค่อยเสนอข้อสรุปของคุณ ชายผู้หนึ่งชื่อคุณอาเธอร์ แกร๊นท์ เกือบจะขับมอเตอร์ไซค์ชนเนสซี่คืนหนึ่ง เขากล่าว "ผมเห็นเจ้าสิ่งนี้ชัดเจน จริงแล้วผมเกือบจะขับมอเตอร์ไซค์ชนมัน มันมีคอยาว มีตาคู่ใหญ่รูปทรงรีอยู่บนหัวเล็กๆของมัน หางมันยาว 5 ถึง 6 ฟุต(1.5-2 เมตร) เขาบรรยายว่ามันมีความยาวทั้งหมด 15 ถึง 20 ฟุต(4.6 - 6 เมตร) เขากล่าวว่าเขาพอจะรู้บ้างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แห่งธรรมชาติ เขาเป็นนักเรียนสัตวแพทย์ เขากล่่าว "ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนในชีวิต" นี่คือรูปสเก็ตช์ที่เขาวาด จากสิ่งที่เขาเกือบเหยียบด้วยมอเตอร์ไซค์ ดูคล้ายพลีสิโอซอร์ยาว 20 ฟุต คุณอเล็กซานเดอร์ แค้มป์เบลล์ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ทะเลสาบล็อคเนสส์ 47 ปี เขากล่าวว่าเขาเห็นมัน 18 ครั้ง นี่เป็นรูปสเก็ตช์ของมันที่เขาวาด หลายคนพยายามจับสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ พวกเขาใช้ทุกสิ่งที่คุณจะจินตนาการได้เป็นเหยื่อล่อ รวมทั้งบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง ยังไม่มีใครจับมันได้ ทะเลสาบนั้นใหญ่มโหฬาร แต่มีรูปสเก็ตช์ของมันเยอะมาก ครอบครัวหนึ่งกล่าวว่าพวกเขาเห็นมันมีแกะอยู่ในปาก ชายคนหนึ่งถ่ายรูปมันมีหนอกหลังยื่นมาจากน้ำ คอมันอยู่ด้านขวามือสุด นิตยสารรี้ดเด้อร์สไดเจสต์(ซึ่งตัดทุกอย่างลง) ได้ตัดคอมันออกเมื่อพวกเขาตีพิมพ์รูปนี้ คุณแม็คเคลาด์กล่าวว่า เขาดูมันผ่านทางกล้องส่องทางไกลนาน 9 นาที เขาวาดรูปสเก็ตช์สี่รูปจากสิ่งที่เขาเห็น คุณแม็คเคลาด์กล่าว "ผมคิดว่าเจ้าสัตว์ประหลาดหน้าตาเป็นอย่างนี้" คุณแค่ดูรายการทีวี เวลาเขาพูดถึงสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์นะึครับ มีคนหลายพันคนยอมให้บันทึกหลักฐาน ว่าพวกเขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้เห็นมัน" บริษัทสารานุกรมเวิร์ลด์บุ๊คจ่ายเงิน ให้นำเรือดำน้ำจากมลรัฐเซ้าท์แคโรไลน่าไปที่นั่น เขากล่าวว่า น้ำนั้นดำถึงขนาดว่า เขาไม่เห็นแม้แต่ตอนหน้าของเรือเขาเอง ล็อคเนสส์เป็นเหมือนหลุมโคลนยักษ์ คุณลงไปแค่ไม่กี่ฟุตไม่กี่เมตร ก็มองไม่เห็นอะไรเลย คุณมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ชาวญี่ปุ่นนำเรือ 24 ลำลงไปถึงพื้นทะเลสาบ และรายงานว่าพวกเขาสแกนตลอดพื้นทะเลสาบด้วยคลื่นโซน่าร์ พวกเขากล่าวว่า มันเป็นทะเลสาบที่ลึกและมีรอยยับย่นเหมือนลูกเกด มีถ้ำออกไปด้านข้างโดยอาจมีช่องอากาศ สัตว์สามารถเข้าไปในภูเขา หายใจและใช้ชีวิตที่นั่น ชายคนหนึ่งถ่ายรูป เห็นครีบแผ่นเป็นทรงข้าวหลามตัดอยู่ใต้น้ำ เช่นกัน พวกเขาคิดว่าเป็นพลีสิโอซอร์ นิตยสารรี้ดเด้อร์สไดเจสต์ตีพิมพ์รูปนี้ในค.ศ.1978(พ.ศ.2521) รูปนี้มีเนสซี่กำลังเปิดปาก เราคุยกันได้ทั้งวันเรื่องสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์ พวกเขากล่าวว่า รูปนี้ที่ถ่ายในค.ศ.1933(พ.ศ.2476) เป็นรูปถ่ายปลอม ก็อาจจะเป็นไปได้ ผมไม่ทราบ ที่น่าสนใจก็คือ พวกเขารอจนคนสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับรูปถ่ายนี้เสียชีวิต แล้วค่อยประกาศว่ามันเป็นรูปปลอม คราวนี้คุณจะตรวจสอบความจริงได้อย่างไรล่ะ มีทะเลสาบประหลาดอื่นๆนอกจากล็อคเนสส์ มีล็อคล็อคคี่่ ล็อคโมราร์ มีทะเลสาบอีกมากมายที่มีคนรายงานเรื่องสัตว์เหล่านั้น มีสัตว์ที่เรียกว่ามอร์กวา งูทะเลแห่งคอร์นวอลล์ ใกล้เกาะอังกฤษ ช่องแคบอังกฤษมีรายงานจำนวนมาก ว่ามีคนเห็นสัตว์คล้ายกันนี้ ค.ศ.1749(พ.ศ.2292) ในอังกฤษ สัตว์ตัวหนึ่งถูกจับได้มีลักษณะคล้ายตะโขง แต่มันมีครีบใหญ่สองอัน ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดที่ไม่สามารถเจาะทะลุผ่านได้ และมีฟัน 5 แถว ค.ศ.1934(พ.ศ.2477) สิ่งนี้ขึ้นมาเกยตื้นที่หาดในนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ชายคนหนึ่งกำลังดูมันอยู่ เทียบขนาดดูนะครับ นักวิทยาศาสตร์สองคนรายงานว่า สัตว์ตัวนี้ว่ายผ่านเรือของเขาในบราซิลในค.ศ.1905(พ.ศ.2448) พวกเขารายงานเหตุการณ์ทั้งหมดลงในนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ในขณะนั้น มันมีครีบหลังยาว 6 ฟุต(1.8 เมตร) สูง 2 ฟุต(0.6 เมตร) และหัวเล็กๆอยู่บนคอยาว 7 หรือ 8 ฟุต(2.1-2.4 เมตร) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษผู้มีประสบการณ์สองคนรายงานสิ่งนี้ เช่นกันครับเราคุยกันได้ทั้งวันถึงรายงานการเห็นต่างๆ ค.ศ.1977(พ.ศ.2520) เรือประมงญี่ปุ่นดึงสิ่งนี้ขึ้นมาในตาข่าย มันยาว 32 ฟุต(10 เมตร) หนัก 4000 ปอนด์(1800 ก.ก.) เขาพูดกันว่ามันเป็นตัวอะไรเนี่ย กัปตันเรือกล่าว ผมไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่มันเหม็น เมื่อพวกเขาหย่อนมันลงบนดาดฟ้าเรือ มันก็หักครึ่ง เขาสเก็ตช์รูปมันไว้เยอะ ถ่ายรูปมันไว้ห้ารูป แล้วทิ้งมันออกไปนอกเรือ แสตมป์พิเศษของญี่ปุ่นออกมาในค.ศ.1977(พ.ศ.2520) บางคนโต้แย้งว่ามันอาจเป็นฉลามกระดูก และผมเห็นด้วย มันอาจเป็นฉลามกระดูก แต่ชาวประมงบนเรือกล่าวว่า "พวกเรารู้จักฉลามกระดูก แต่เราไม่เห็นว่ามันเป็นฉลามกระดูก" ฉลามกระดูกมีแนวโน้มที่จะย่อยสลายโดยเหลือส่วนหัวไว้ นี่รูปฉลามกระดูกตัวหนึ่ง มันอาจเป็นฉลามกระดูกก็ได้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมครับ เขาพูดกันว่าโปรตีนของมัน 96% คล้ายคลึงกัน แต่ไม่มีใครเคยเห็นโปรตีนของพลีสิโอซอร์ จะได้รู้ว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร คนและลิงไร้หางคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างหลายอย่่างเช่นกัน มีข้อโต้แย้งหลายอย่างในเรื่องนี้ ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมครับ แต่บางคนจะโกรธหน้าดำหน้าแดง แค่ผมกล่าวถึงสิ่งที่ชาวประมงญี่ปุ่นจับได้ในค.ศ.1977 ชาวรัสเซียรายงานถึงสัตว์ชนิดหนึ่งในทะเลสาบที่นั่น เรียกว่าความความพิศวงแห่งทะเลสาบ มันดูเหมือนไดโนเสาร์เกยตื้นที่ชายหาดในรัสเซีย ในค.ศ.1994(พ.ศ.2537) มันยาว 39 ฟุต (12 เมตร) อันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปดัดแปลงของฉลามตัวหนึ่ง มีคนใช้โฟโต้ช็อปทำให้มันดูคล้ายพลีสิโอซอร์ จริงๆแล้วเป็นแค่รูปดัดแปลง เพราะฉะนั้นระวังนะครับ มีสิ่งหลอกลวงมากมาย ข้อนี้ไม่ต้องกังขาครับ แต่เพราะว่ามีการหลอกลวงหรือปลอมแปลง ไม่ได้หมายความว่าไม่มีหลักฐานที่แท้จริง ค.ศ.2004(พ.ศ.2547) คนจำนวนมากในปาปัวนิวกินีรายงานถึงสัตว์ชนิดหนึ่งคล้ายไดโนเสาร์ สูง 10 ฟุต(3 เมตร) มีหางเหมือนตะโขงและหัวเหมือนสุนัข มันอยู่บนเกาะในเมืองโคโคโพ สตรีผู้หนึ่งกล่าวว่าเธอเห็นมันและวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เธอเห็นสัตว์ตัวหนึ่งสูง 3 เมตรมีหัวเหมือนสุนัขและหางเหมือนจระเข้ คุณสามารถอ่านทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้ ซึ่งคนเพิ่งเห็นในค.ศ.2004(พ.ศ.2547) ญี่ปุ่นก็มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์พวกนี้ เกาะฮ็อกไกโดทางตอนเหนือรายงานเกี่ยวกับพวกมัน เกาะหลักทางตอนใต้ก็มีเช่นกัน พวกเขาเรียกมันว่า"อิสชี่" ในทะเลสาบอิเคด้า ในประเทศจีน มีรายงานเกี่ยวกับยูเอสโอ วัตถุว่ายลึกลับ ในนอร์เวย์มีรายงานการเห็นหลายครั้ง เช่นเดียวกับในสวีเดน ในทะเลสาบสองแห่งที่นั่น พวกเขาเรียกมันว่า "สต๊อร์สจอเร็น" ในทะเลสาบสตอร์จอน ในนอร์เวย์พวกเขามีสัตว์ที่คล้ายกับ สัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์มาก คนหลายร้อยกล่าวว่า พวกเขาเคยเห็นมัน เรื่องนี้ปรากฎในข่าวเป็นครั้งคราวเช่นเดียวกับที่ล็อคเนสส์ ในแคนาดามีรายงานการเห็นสัตว์เหล่านี้ สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบของแคนาดา ลูกพี่ลูกน้องชาวแคนาดาของเนสซี่ครับ ทะเลสาบแห่งหนึ่งในเมืองเคอโลว์น่าชื่อ โอคานากัน เป็นทะเลสาบใหญ่มโหฬาร ยาว 80 ไมล์(130 ก.ม.) ผมเคยไปพูดที่นั่นสองครั้งในเมืองเคอโลว์น่า คนพื้นเมืองเรียกสัตว์นี้ว่า โอโกโพโก เรามีหนังสือขายที่โต๊ะข้างหลังนั่นถ้าคุณต้องการนะครับ ชื่อ โอโกโพโก มันคล้ายคลึงกับสัตว์ประหลาดแห่งล็อคเนสส์มาก คนหลายพันอ้างว่าพวกเขาเคยเห็นมัน ข้อเขียนนี้กล่าวว่า "พวกเขาเป็นคนกลุ่มล่าสุด ในบรรดานับพันที่ได้เห็นสิ่งประหลาด ในทะเลสาบแคบๆยาว 80 ไมล์(130 ก.ม.)นี้" ชายผู้หนึ่งว่ายตามความยาวของทะิเลสาบ เขากล่าวว่า เจ้าสิ่งนี้ได้ขึ้นมาข้างใต้เขา ทำให้เขาตกใจเกือบตาย ผมเก็บรายงานข่าวเรื่องนี้อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง สตรีผู้นี้กล่าวว่า "ดิฉันเห็นโอโกโพโกสองครั้ง" ผมสัมภาษณ์คุณจอห์น คารูโซ ขณะนั้นเขาและครอบครัวกำลังนอนหลับอยู่บนเรือในทะเลสาบ พวกเขาไปแค้มป์ที่ทะเลสาบอยู่บนเรือใหญ่ อะไรบางอย่างได้ชนใต้ท้องเรือ ทำให้พวกเขาตื่นกันหมดในเช้าตรู่วันนั้น พวกเขาออกไปดูและเห็นโอโกโพโกสองตัว กำลังว่ายข้ามทะเลสาบ เขากลับไปในเรือเพื่อหยิบกล้อง เมื่อเขาได้กล้องมา มันก็ไปค่อนข้างไกลแล้ว เขาได้ให้ก็อปปี้ของบันทึกวิดิโอนั้นแก่ผม มันไปไกลกว่าจะเห็นรายละเอียดได้ แต่เขากล่าวว่า "ดูนะครับ ภราดรโฮวินด์ ผมได้เห็นโอโกโพโก" มีคนมากมายที่ยอมให้บันทึกหลักฐาน และกล่าวว่าพวกเขาได้เห็นมัน ที่อ่าวแคดโบโร ในบริติชโคลัมเบียก็มีเช่นกัน มีหนังสือเรื่องนี้ถ้าคุณต้ิองการทราบมากกว่านี้ มีคนพบตัวอ่อนของสัตว์ชนิดนี้เรีียกว่า แคดดี้ ในท้องวาฬสเปิร์ม พวกเขากล่าวว่า มันมีครีบแผ่นหน้าสั้นๆ ปลายแหลม มีคอยาว หัวเหมือนม้า ชายผู้้หนึ่งจับตัวอ่อนของมันได้ด้วยตาข่ายของเขา วาดรูปสเก็ตช์แล้วปล่อยมันไป เขาไม่ทราบว่ามันเป็นตัวอะไร เขาเลยปล่อยมันไป ผมสัมภาษณ์ชายผู้นี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ชายสี่คนนี้กำลังจับปลาในแคนาดา สัตว์ตัวหนึ่งไล่ตามเรือของพวกเขานอกเกาะเค้ปเซเบิ้ล ที่โนวาสโกเชีย เมื่อผมไปเทศน์ที่นั่น ผมได้พบเขาในค.ศ.1992(พ.ศ.2535) เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตอนนั้นเขากล่าวว่าเขามีอายุ 67 ปี เขาตกปลาที่นั่นมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เจ้าสัตว์ตัวยาว 40-50 ฟุต(12-15 เมตร) ไล่ตามเรือพวกเขาไป 1-2 ไมล์ เขากล่าวว่า มันมีคอหนาสองฟุต ยาว 8-9 ฟุต(2.5-3 เมตร) ตาของมันมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 นิ้ว(23 ซ.ม.) ตอนนั้นพวกเขาอยู่ 6 ไมล์ใต้ลงมาจากเกาะเค้ปเซเบิ้ล เขากล่าวว่า เขาไม่อยากเห็นมันอีกเลย เขาบอกผมอย่างนั้นครับ สิ่งนี้ขึ้นมาเกยตื้นที่ชายหาดในนิวฟาวด์แลนด์ แคนาดา บางครั้งมีชิ้นส่วนใหญ่ๆขึ้นมาเกยตื้น บางครั้งก็เป็นหนังของวาฬ เมื่อวาฬตาย ส่วนใหญ่มันจะถูกกิน แต่หนังชั้นที่ใช้พ่นน้ำของมันจะเกยตื้น บางครั้งก็เป็นฉลามกระดูก สิ่งนี้ขึ้นมาเกยตื้นที่พาร์คเคอร์โคฟ ในแคนาดา ผมคุยกับหลายคนที่ได้เห็นมัน คนจำนวนมากไปที่นั่นเพื่อวินิจฉัยมัน ผมคิิดว่ายังไม่มีข้อสรุปแน่นอนว่ามันเป็นอะไร มันอาจเป็นฉลามกระดูกก็ได้ ไม่มีใครทราบแน่นอน แต่ตอนนี้มันหายไปแล้วครับ คนตัดชิ้นส่วนของมันออกมา กระดูกสันหลังของมันดูเหมือนฉลามมากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ น่าสนใจครับที่ของพวกนี้มาเกยตื้นที่ชายหาด เราขายหนังสือชื่อว่า "สัตว์ประหลาด! สัตว์ประหลาด!" เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบในอเมริกาเหนือ "สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบและงูทะเล" เป็นหนังสือที่ดี เขียนโดยคุณลอเร็น โคลแมน นักสัตวพิศวงวิทยา แต่เป็นผู้เชื่อตามวิวัฒนาการ ผมสัมภาษณ์คุณจ๊าคส์ บวาเวท์เป็นเวลาสามชั่วโมง เขาสะสมรายงานการเห็นสัตว์ประหลาดที่ทะเลสาบเม็มเฟรเมก็อก ระหว่างมลรัฐเวอร์มอนต์(สหรัฐอเมริกา) และควิเบ็ก แคนาดา คนเป็นร้อยๆอ้างว่า พวกเขาเคยเห็นอะไรบางอย่างที่ทะเลสาบเม็มเฟรเมก็อก มีคนเห็นสัตว์ต่างๆที่แม่น้ำโปโตแม็ก นี่เป็นหนังสือเกี่ยวกับงูทะเลใหญ่แถบนิวอิงแลนด์ (หกมลรัฐทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ) มีเกาะแห่งหนึ่งนอกมลรัฐคอนเน็กติกัตและโัรดไอแลนด์ออกมา เรียกว่า เกาะบล็อก หลายคนอ้างว่า พวกเขาเคยเห็นสัตว์เหล่านั้นว่ายอยู่แถวนั้น เขาเรียกมันว่า "สัตว์ประหลาดบล็อก เนสส์" ตัวหนึ่งเกยตื้นในค.ศ.1996(พ.ศ.2539) อีกตัวหนึ่งเกยตื้นเช่นกันในค.ศ.2004(พ.ศ.2547) ผมยังไม่เห็นเขาระบุว่่ามันเป็นตัวอะไร ผมสัมภาษณ์ผู้คนเสมอในเรื่องเหล่านี้ ทะเลสาบอิรี่ก็มีตัวหนึ่งเช่นกัน "เบสซี่แห่งอิรี่เข้ากับเนสซี่" พวกเขากล่าว มันยาว 35 ฟุต(11 เมตร) พวกเขากล่าวว่่ามันมีหัวเหมือนงู ข่าวสัตว์ประหลาดแห่งอิรี่ปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว มีคนพบซากตัวอ่อนของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบอิรี่ ชายผู้หนึ่งนำซากนั้นกลับไปบ้าน สตั๊ฟฟ์แล้วจับมันตั้งโชว์ เขาเป็นนักสตั๊ฟฟ์สัตว์ เขากล่าว "คุณบอกผมซิว่ามันเป็นตัวอะไร ผมไม่รู้จริงๆ" ดร.บอห์ซื้อและโชว์มันในพิพิธภัณฑ์ของเขาที่เท็กซัส ไม่มีคนระบุว่ามันเป็นตัวอะไร พวกเขาไม่แ่น่ใจ มันอาจเป็นของปลอม ไม่มีใครทราบ แต่เป็นสัตว์ตัวเล็กที่่น่าสนใจดี ผมสัมภาษณ์เจ้าพนักงานปราบปรามผู้ร้าย ซึ่งเป็นคนแรกที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดที่ท่าเรือซิทัว มันยาว 50 ฟุต(15 เมตร) เมื่อมันมาเกยตื้นที่ชายหาด ทุกคนเริ่มตัดเอาชิ้นส่วน เมื่อพวกเขาได้ถ่ายรูปมัน ก็ค่อนข้างยับเยินแล้ว บางคนแย้งว่ามันเป็นฉลามกระดูก คนอื่นก็ว่ามันเป็นงูทะเลจริงๆ กระทรวงสุขภาพกล่าวว่า "เราไม่สน มันเหม็น เราจะกำจัดมันออกไปจากที่นี่" พวกเขาระเบิดมันด้วยไดนาไมท์ ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในค.ศ.1925(พ.ศ.2468) สัตว์ชนิดนี้มาเกยตื้นที่ชายหาด นั่นคือหัว และนั่นเป็นคอ ลงไปทางขวามือ เฉพาะคออย่างเดียวยาว 20 ฟุต(6 เมตร) ทุกคนที่ได้ตรวจสอบมันกล่่่าวว่ามันเป็นพลีสิโอซอร์ คอยาวถึง 20 ฟุต(6 เมตร) คนที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าคนหนึ่งเขียนถึงผมว่า "โฮวินด์ คุณนี่ช่างโง่เง่าจริงๆ คุณไม่รู้หรือว่ามันเป็นวาฬ" ผมตอบ"เดี๋ยวนะ คอของวาฬน่ะมันอยู่ตรงไหน" มันควรจะอยู่ระหว่างหัวกับครีบกว้างของมัน เขากล่าว"มันเป็นวาฬปากขวดหายากชนิดหนึ่ง" หายากใ่ช่เลยครับมีคอยาว 20 ฟุต(6 เมตร) คนที่เห็นมันกล่าวว่ามันเป็นพลีสิโอซอร์ ทำไมถึงได้ยากเย็นนักหนาที่จะเชื่อครับ คุณทราบไหมว่าทำไมคนถึงแข็งขืนต่อคำอธิบายเช่นนั้น เพราะัมันไปขัดแย้งกับทฤษฎีวิวัฒนาการของพวกเขา พวกเขาชอบทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะมันให้อิสระจากพระเจ้าแก่พวกเขาครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงชอบทฤษฎีนั้น เราคุยกันได้ทั้งวันเรื่องสัตวพิศวงวิทยา ผมศึกษาเรื่องนั้นมาหลายปีครับ ผมสัมภาษณ์ผู้คนเป็นร้อยๆ ที่อ้างว่าพวกเขาเคยเห็นไดโนเสาร์เป็นๆ ที่มลรัฐนิวยอร์กในค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ตำรวจท่าเรือได้ไล่ตามสิ่งหนึ่ง ตัวโตกว่าวาฬมากขึ้นไปตามแม่น้ำ พวกเขาจับมันไม่ได้ มันอาจเป็นซูกลาดอนหรือบาซิลโลซอร์ ผมไม่ทราบ แต่สัตว์ประหลาดแห่งแม่น้ำไว้ท์ในนิวพอร์ท มลรัฐอาร์คันซอว์ มีคนรายงานการเห็นมันหลายครั้ง จนค.ศ.1973(พ.ศ.2516) เห็นได้ชัดว่ามันได้หายไป ในมลรัฐอาร์คันซอว์ วุฒิสภาได้ผ่านมติ กล่าวว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่จะทำร้าย ฆ่า หรือเหยียบสัตว์ประหลาดแห่งแม่น้ำไว้ท์ นอกฝั่งที่จูนิเปอร์ ฟลอริด้า มีคนเห็นสัตว์คล้ายไดโนเสาร์ ว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทร คุณอ่านข้อเขียนนั้นได้ ที่เว็บไซท์ของผม (www.drdino.com) มีข้อมูลเยอะแยะ คุณอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้้ได้ทั้งหมด มีทะเลสาบระหว่างมลรัฐนิวยอร์กกับมลรัฐเวอร์มอนต์เรียกว่า ทะเลสาบแชมเพลน หลายคนอ้างว่า พวกเขาเคยเห็นสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบแชมเพลน ผมสัมภาษณ์คุณแซนดี้ซึ่งเป็นคนถ่ายรูปนี้ ผมถาม "แซนดี้ คุณคิดว่า คุณเห็นไดโนเสาร์หรือเปล่า" เธอตอบ "ไม่ใช่คิดค่ะ ฉันทราบว่าฉันเห็นไดโนเสาร์" เธอพร้อมกับสามีและลูกสองคนดูไดโนเสาร์นานสิบนาที คน 58 คนบนเรืออีธานอัลเลน คิดว่าพวกเขาเห็นสัตว์ประหลาดในทะเลสาบ ผมไม่ทราบครับ บางทีพวกเขารับประทานเค้กมากไปหน่อย กัปตันบนเรือตอนนั้นในค.ศ.1998(พ.ศ.2541) กล่าวว่า "ถ้าคุณคิดว่าผมเห็นปลาละก็ มันหนัก 3000 ถึง 5000 ปอนด์(1300-2300 ก.ก.)" พระคัมภีร์กล่าวถึงมังกรแห่งน่านน้ำ พระคัมภีร์อิสยาห์บท 27 วรรค 1 กล่าว "พระองค์จะทรงประหารมังกรที่อยู่ในทะเล" ที่เพ็นซาโคล่าที่ผมอยู่ เด็กวัยรุ่น 5 คนไปดำน้ำสกูบาในค.ศ.1962(พ.ศ.2505) คนหนึ่งรอดชีวิตมาได้ เขาเล่าเรื่องดังนี้ พวกเขากำลังไปที่เรือซึ่งจมอยู่ในท่าเรือเพ็นซาโคล่าชื่อ เรือแม็สซาชูเส็ตส์ "เราอยู่ 2 - 3 ไมล์นอกชายฝั่งในแพชูชีพของกองทัพอากาศมุ่งหน้าไปยังเรือที่จมนั้น ครึ่งทางออกไปเราติดอยู่ในพายุ และมันลากเราออกไปสู่ทะเล เมื่อพายุสงบลง เราก็อยู่ในหมอกหนาทึบ เราเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆ เหมือนเสียงน้ำกระเพื่อมจากโลมาว่ายเข้ามา และกลิ่นเหมือนปลาตาย ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียน เสียงนั้นใกล้แพเข้ามาและผมได้ยินเสียงขู่ฟ่อเสียงดัง ในหมอกนั้นผมเห็นสิ่งหนึ่ง ดูเหมือนเสายาวๆ สูงประมาณ 10 ฟุต(3 เมตร) มันยื่นขึ้นมาจากน้ำ ส่วนบนสุดนั้นมีรูปร่างเหมือนกระเปาะไฟ มันงอตัวตรงกลางแล้วหายไปใต้น้ำ มันปรากฎตัวอีกหลายครั้งเมื่อมันใกล้แพเข้ามาเรื่อยๆ ความเงียบงันได้หายไปอีกครั้งด้วยอะไรในหมอกนั้น ผมอธิบายได้แค่ว่ามันเป็นเสียงครางแหลมสูง พวกเราขวัญหนีดีฝ่อ เราห้าคนรีีบใส่ครีบเท้าและลงไปในน้ำ ผมตะโกน"เกาะกลุ่มกันไว้ พยายามว่ายไปหาเรือ!" เมื่อเราลงไปในน้ำ เราแยกหายกันไปในหมอกหนานั้น จากข้างหลัง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องจากสหายของผมทีละคน ผมได้เห็นเจ้าสิ่งนั้นชัดขึ้น เพียงก่อนหน้าที่เพื่อนคนสุุดท้ายของผมจะหายลงไป คอมันยาวประมาณ 12 ฟุต(3.6 เมตร) สีเขียวน้ำตาล ดูเรียบ หัวมันเหมือนเต่าทะเลแต่ยาวกว่า ตาสีเขียว มีรูม่านตาทรงรี ผมไม่ทราบว่านานเท่าไรก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงร้องนั้นนานประมาณครึ่งนาที แล้วผมก็ได้ยินเสียงวอร์เร็นเรียก "เฮ้ ช่วยด้วย! มันจัดการแบรดไปแล้ว! ข้่าต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้!" เสียงเขาสิ้นสุดลงด้วยเสียงร้องสั้นๆโดยกะทันหัน "แบรด! วอร์เร็น! เฮ้ ทุกคนอยู่ที่ไหนกันหมด" ผมตะโกนตอบไปสุดเสียง ตอนนี้แลร์รี่ว่ายอยู่กับผมและเอริิค ผมไม่เห็นวอร์เร็นและแบรด ถัดไปจากเอริค เจ้าสัตว์เสาโทรศัพท์นั่นได้โผล่ขึ้นมาจากน้ำ ผมเห็นคอยาวและตาเล็กสองตาของมัน มันเปิดปากและโน้มตัวลง มันโฉบลงเหนือเอริค ลากเขาลงไป ผมกรีดร้องและเริ่มว่ายเลยเรือไป ข้างในผมสั่นโดยควบคุมไม่อยู่ เขาวาดรูปสเก็ตช์สิ่งที่ฆ่าเพื่อนของเขา เขากล่าว ในที่สุดผมก็ขึ้นไปบนเรือได้ ผมอยู่บนนั้นเกือบทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น ผมว่ายเข้าหาฝั่งและหน่วยกู้ชีพพบผม นั่นเป็นรูปสเก็ตช์ที่ไบรอัน แม็คเคลียรี่วาด สิ่งที่เขาเห็นฆ่าเพื่อนสี่คนของเขา ครั้งหนึ่งผมไปพูดที่หาดฟอร์ทวอลตัน ฟลอริด้า คุณวาเลอรี่ บิลมาหาผมและกล่าว "คุณโฮวิินด์ บุตรบุญธรรมของดิฉัน แลร์รี่ บิล เป็นหนึ่งในเด็กสี่คนนั้น เรื่องที่คุณเล่านั้นถูกต้องแล้ว แต่หนังสือพิมพ์เพ็นซาโคล่านิวส์เจอร์นัล หลังจากที่พวกเขาสัมภาษณ์เขาแล้ว ได้กล่าวว่า "นี่เป็นเมืองชายหาด คนมาที่นี่เพื่อมาว่ายน้ำ เราจะไม่รายงานข่าวว่าเพื่อนคุณถูกไดโนเสาร์กิน เราจะรายงานว่าพวกเขาจมน้ำตาย ดังนั้นนี่คือสิ่งที่่หนังสือพิมพ์พาดข่าวครับ "เด็กวัยรุ่นสี่คนจมน้ำตาย" ที่ปานามาซิตี้ ฟลอริด้า มีคนเห็นสิ่งคล้ายคลึงกันที่นั่น ผู้นำยุวชนที่โบสถ์ลูเธอร์แห่งหนึ่งบอกผมว่า ขณะที่กลุ่มยุวชนทั้งหมดของเขาอยู่ในรถตู้ พวกเขาเห็นสัตว์คล้ายคลึงกันนั้นที่ท่าเรือปานามาซิตี้ มีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจยังมีเทอโรแด็คทิลเป็นๆ คนพื้นเมืองเรียกสัตว์เหล่านี้ว่า "คองกามาโท" ถ้าคุณอยู่ในคองโก ถ้าในเคนยา เขาเรียกว่า "บาทัมซิงกา" คุณสตีฟ โรมานดี เคยอยู่ในทีมนักวิ่งโอลิมปิกของเคนยา เขาโทรมาหาผม ขณะนั้นเขากำลังศึกษาอยู่ที่มลรัฐหลุยเซียน่า เขากล่าว"คุณโฮวินด์ ผมเคยเห็นสัตว์พวกนั้น เรามีพวกมันที่หมู่บ้านของผมในเคนยา" อาหารโปรดของมันคือเนื้อคนกำลังเน่าเปื่อย พวกมันขุดหลุมศพและกินซากศพ มีคนจำนวนมากพูดถึงคองกามาโท (หรือ "บาทัมซิงกา") เราพูดถึงไดโนเสาร์ที่ยังเป็นๆได้หลายชั่วโมงครับ มีรายงานจำนวนมากถึงเทอโรแด็คทิลที่ยังมีอยู่ มีคนโทรบอกผมเสมอ ว่ามีคนเห็นเทอโรแด็คทิล มีคนเห็นพวกมันที่ประเทศปาปัว นิวกินี อินโดนีเซีย หรือเวเนซูเอล่า ผมอยากให้เรามีเวลาพูดถึงรายงานการเห็นเทอโรแด็คทิลทั้งหมด คุณเดฟ วิทเซ็ลไปที่นั่นและกล่าวว่า คนพื้นเมืองพูดถึง "โรปิน" บินได้อยู่เสมอ มันเรืองแสงในความมืดที่ปาปัว นิวกินี เขาอาศัยอยู่บนเกาะตรงนั้นครับ คุณพูดว่า"ประเด็นคืออะไรหรือครับ" คุณพูด"ภราดรโฮวินด์ ใครสนเรื่องนี้ครับ" ผมคิดว่าไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่ และผมคิดว่าพวกเราถูกหลอกเรื่องไดโนเสาร์ แต่ผมคิดว่ามีเหลืออยู่ไม่มากแล้วครับ และคงปลอดภัยที่จะกลับไปหอพัก อย่าตื่นเต้นและัพูดไปว่า"พวกเราจะถูกไดโนเสาร์กิน" ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คุณมั่นใจได้ว่า ทางเดินในหอพักคุณคืนนี้จะเห็นชัดเจนไม่มีปัญหา ชาวอินเดียนแดงมีเรื่องเล่าเรียกว่า "นกฟ้าร้อง" กล่าวว่า พวกเขาเห็นนกยักษ์ถูกฟ้าผ่า เมื่อพวกเขาพบมันสามวันให้หลัง นกแร้งได้กินมันซะเหลือแต่กระดูกขาวสะอาด แต่พวกเขากล่าวว่า ปีกของมันกางออก 20 ฟุต(7 เมตร) และมีโหนกกระดูกด้้านหลังหัวมัน ไม้อธิษฐานของชาวอินเดียนแดงจนทุกวันนี้ มีหัวเทอราแด็คทิลอยู่บนนั้น คุณเฮนรี่ ฟอร์ดติดรูปนกอินทรีบนไฟท้ายของรถรุ่น"นกฟ้าร้อง" (ธันเดอร์เบิร์ด) ซึ่งควรจะเป็นรูปเทอโรแด็คทิล เฮนรี่ คุณพลาดไปแล้วละ นักสำรวจชาวฝรั่งเศส คุณจ๊าคส์ มาร์เค็ทท์ และคุณโจเลียทได้แวะที่ที่ปัจจุบันคือเมืองเซนต์หลุยส์ พวกเขารายงานว่า พวกเขาเห็นรูปนกใหญ่ น่าเกลียด เป็นรูปวาดสีบนหน้าผาอีกด้านหนึ่ง ในอัลตัน มลรัฐอิลลินอยส์ ชาวอินเดียนแดงกล่าวว่า มันเป็นนกไพอาซอ หัวหน้าเผ่าใหญ่ได้ฆ่ามันหลายปีมาแล้ว พวกเขาทาสีภาพนั้นหลายปี ในที่สุดพวกเขาได้ติดตั้งรูปแผ่นโลหะ นั่นผมเพื่อเทียบขนาดครับ หลังจากนั้นพวกเขาได้นำมันลงมา เพราะเกรงว่ามันจะหล่นลงมา ผมเดาว่า ไม่นานมานี้พวกเขาติดแผ่นไพอาซอขึ้นไปอีก ครับ ถ้าคุณไปที่อัลตัน อิลลินอยส์ คุณจะเห็นคำว่า ไพอาซอ เช่นไพอาซอแดรี่ควีน ฯลฯ ค่อนข้างโด่งดังที่นั่น ไม่ว่่านกไพอาซอจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ คนถามว่า"ภราดรโฮวินด์ ทำไมคุณพูดถึงไดโนเสาร์" อย่่่างหนึ่งก็เพราะซาตานใช้ไดโนเสาร์เพื่อสอน"ข่าวประเสริฐ"ของมัน ถึงเวลาที่คริสเตียนจะสู้กลับ คริสเตียนสับสนว่าไดโนเสาร์เข้ากันได้ตรงไหน พวกมันเป็นอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมในการประกาศข่าวประเสริฐ เด็กๆจะรุมล้อมคุณเมื่อคุณเอาไดโนเสาร์ออกมา "มันเป็นพระราชกิจชิ้นที่สำคัญของพระเจ้า" ครับ ถ้าเช่นนั้นพระเจ้าก็สมควรที่จะได้สง่าราศีนั้น พระคัมภีร์พูดถึงเลวีอาธานเช่นกัน นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเต็มๆ เราจะพูดถึงเลวีอาธานในอีกโอกาสหนึ่งนะครับ สรุปง่ายๆคือ พระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างภายในหกวัน ไดโนเสาร์อยู่ร่วมกับคน คนฆ่าไดโนเสาร์ อาจมีสองสามตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ และคริสเตียนต้องเลิกกังวลเกี่ยวกับไดโนเสาร์ และควรเริ่มใช้มันเพื่อสง่าราศีของพระเจ้า มีเรื่องนั้นมากกว่านี้ในภาคถัดไปครับ (จบสัมนาภาค 3b) (END - Sem#3b - Thai) เริ่มสัมนาภาค 3c - ดร. เค๊นท์ โฮวินด์ - แปลโดย สุรีย์ บราวน์ (START - Sem#3c - Thai) สัมภาษณ์ผู้กล่าวอ้างว่าเคยเห็นไดโนเสาร์เป็นๆ - สวัสดีครับ นี่ผม เค๊นท์ โฮวินด์ ผมนั่งอยู่ที่ร้าน"ตามหาวัตถุโบราณ"ในวินเชสเตอร์ มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ กับคุณแซนดี้ แมนซี่ครับ คุณแซนดี้ ยินดีที่ได้พบคุณอีก ผมพบคุณในค.ศ.1992(พ.ศ.2535) คุณแซนดี้เป็นผู้หนึ่งที่ได้เห็นแชมป์ รูปของเธอปรากฎบนหน้าปกหนังสือ เขียนโดยคุณโจเซฟ ดับบลิว ซาร์ซินสกี้ กรุณาบอกพวกเราว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไร คุณอยู่ที่ไหน และเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับมันสิครับ ดิฉันอยู่ที่ทะิเลสาบแชมเพลน ทางด้านมลรัฐเวอร์มอนต์ กับคู่หมั้น(ขณะนี้สามี)ของดิฉัน และลูกๆของดิฉัน เรากำลังดูทะเลสาบ เราโตมาในบริเวณนั้น และขณะนั้นเราแค่ดูทะเลสาบ เรากำลังนั่งดื่มด่ำกับความสงบสุขและความเงียบ สามีของดิฉันได้เดินกลับไปหยิบกล้องที่รถ ขณะที่เขายังไม่กลับมานั้น ผิวน้ำในทะเลสาบได้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้น และดิฉันมองออกไป คิดว่ามันอาจเป็นปลาฝูงหนึ่ง หรือนักดำน้ำสกูบา หรืออะไรสักอย่าง แล้วหัวและคอก็โผล่ออกมาจากน้ำ หัวมันยกขึ้น ตามด้วยคอและหลัง ดิฉันเลยทราบว่ามันไม่ใช่ปลา ผมได้ยินคนบอกคุณว่า พวกเขาคิดว่ามันเป็นเป็ด อาจเป็นเป็ดหนักสองพันปอนด์ค่ะ!(900 ก.ก.) เมื่อคุณมาฟังผมพูดที่โบสถ์ที่ดับบลิน ในนิวแฮมป์เชียร์ ผมเอาไดโนเสาร์ทั้งหมดออกมาบนโต๊ะ คุณเลือกตัวนี้ออกมาทันที ว่านี่เป็นเจ้าแชมป์ แต่คุณพูดว่ามันต่างไปนิดหน่อยจากที่คุณเห็น ใช่ค่ะ ที่ดิฉันเห็น คอของสัตว์นั้นไม่ยาวถึงขนาดนี้ หัวมีสันฐานถูกต้้องเหมือนหัวม้า คอไม่ยาวเท่านี้ มีไดโนเสาร์ว่ายน้ำประมาณสามหรือสี่ชนิดที่มีคนพบกระดูกมัน โครโนซอร์ที่มีคอใหญ่ พลีสิโอซอร์ที่คุณกำลังถืออยู่ แล้วก็มีอีลาสมาซอร์ คอสั้นกว่าและหัวมันทำมุมฉากกับลำตัว ไม่อยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว อาจมีอย่างอื่นที่คนยังไม่ค้นพบเช่นกัน เดี๋ยวเราให้พวกเขาเห็นรูปนี้ในกล้องนะครับ ดิฉันคิดว่าตัวนี้แต่คอสั้นกว่าค่ะ หรือคอมันอาจจะไม่พ้นน้ำทั้งหมดก็ได้ โอเคครับ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในค.ศ.1977(พ.ศ.2520) มีกี่คนที่คุณรู้จักหรือได้คุยด้วยที่อ้างว่าพวกเขาเห็นมันเช่นกัน ดิฉันได้คุยกับประมาณหกคนที่ได้เห็นมันค่ะ และเรื่องราวของเราคล้ายคลึงกันมากๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราเสียสติกันทุกคน เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนกุเรื่องในสิ่งที่เราไม่ได้เห็น แต่เรื่องทั้งหมดคล้ายคลึงกันมากๆ รูปทรงของหัวและคอ แค่ขนาดมโหฬารของมัน คุณว่าคุณได้ดูมันนานเท่าไรครับ ตั้งแต่ขณะที่มีการเคลื่อนไหวของผิวน้ำ จนกระทั่งมันมุดลงไป อาจเป็นแปดนาที แปดถึงสิบนาที โอเคครับ คราวที่แล้วเมื่อเราคุยกันประมาณหนึ่งปีมาแล้ว คุณบอกว่า ...เมื่อมันขึ้นมาตอนแรก มันดูไปทุกทิศทาง มันมองไปรอบๆ เมื่อมันขึ้นมา มันมองมาทางนี้ค่อนข้างมาทางดิฉัน แล้วเมื่อมันขึ้นมาเหนือน้ำ มันมองไปรอบๆ มันเริ่มไม่อยู่นิ่งแล้วเมื่อดิฉันถ่ายรูปมัน มันเริ่มขยับตัวมากขึ้น และมันหันหัวมาดูข้างหลังมัน ขณะนั้นดิฉันก็เลยถ่ายรูปมัน แล้วมันก็หันกลับไปและหายลงไป มันเริ่มลงไปอย่่างนี้ แล้วมันก็มุดหัวลงไปใต้น้ำ หลังจากที่มันอยู่ใต้น้ำทั้งตัวแล้ว ดิฉันก็ได้ยินเสียงเรือแล่นมา ดิฉันได้ยินเสียงเรือ ดิฉันไม่เห็นแม้แต่เรือ แต่ดิฉันได้ยินเสียงมันกำลังมา มันรู้ว่าเรือกำลังมา ตั้งนานก่อนที่โสตประสาทของดิฉันจะรับรู้ คนจำนวนมากที่ผมสัมภาษณ์บอกอย่างนี้เหมือนกัน เช่นในแอฟริกา ไดโนเสาร์ในแอฟริกา คนพื้นเมืองกล่าวอ้างว่าพวกมันมีโสตสัมผัสที่ไวมาก พวกมันสามารถได้ยินคุณมาแล้วมันจะดำลงไปใต้น้ำ ผมมีเพื่อนมิชชันนารีที่นั่นที่กล่าวว่ามีไดโนเสาร์ในบึงนั้น แน่นอนค่ะ ดิฉันมั่นใจเช่นนั้น พระเจ้าทรงสร้างตัวหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างหลายตัว นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องถูกสร้างขึ้นมา มันไม่ได้มาจากปลาไหล พระองค์ทรงสร้างตัวหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างหลายตัว รูปของคุณปรากฎบนปกหนังสือของคุณโจเซฟและที่อื่นๆหลายที่ ลงในนิตยสารไทม์เดือนกรกฎาฯ ค.ศ.1981(พ.ศ.2524) คุณอยู่ในทีวีโชว์ "ยังเป็นปริศนา" สัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยใช่ไหมครับ พวกเขาออกอากาศตอนเดิมนั้นสามครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยาฯ ปีที่แล้วค.ศ.1992(พ.ศ. 2535) ไม่นานมานี้ ประมาณสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาออกอากาศตอนนั้นอีกครั้ง คุณก็เป็นดาราแล้วสิครับ ไม่ค่ะ มีคนที่เที่ยวสอนว่าวิวัฒนาการเป็นความจริงที่ได้รับการพิสูจน์ ว่าไดโนเสาร์มีชีวิตอยู่เมื่อหลายล้านปีีมาแล้ว อย่่างที่คุณทราบผมมีความเห็นต่างไปจากนั้นมาก ผมเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์เป็นเวลา 15 ปี ผมมีความเห็นมั่นคงว่า อาจมีไดโนเสาร์สองสามตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ โลกนี้ไม่ได้มีอายุเป็นล้านปี คุณจะพูดไหมครับว่าสิ่งที่คุณเห็นมีลักษณะตรงกับไดโนเสาร์บางชนิดมากที่สุด ชนิดที่อยู่ในน้ำ? ดิฉันเห็นไดโนเสาร์ค่ะ คุณรู้สึกว่าคุณเห็นไดโนเสาร์ใช่ไหมครับ ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันทราบว่าดิฉันเห็น ดิฉันทราบว่าดิฉันเห็นไดโนเสาร์ คุณทราบโอเคครับ ดิฉันเห็นไดโนเสาร์ค่ะ คำถามที่บางคนคิดนะครับ ทำไมคุณถ่ายรูปแค่รูปเดียว เพราะดิฉันไม่อยากพลาดไปแม้แต่นิดเดียว ยุ่งกับการดูมัันอยู่หรือครับ ดิฉันยุ่งกับการดูมันอยู่ ดิฉันนำกล้องถ่ายรูปมา ถ่ายรูปเดียวแล้วก็วางมันลง เพราะดิฉันไม่อยากพลาดไปแม้แต่นิดเดียว ดิฉันตะลึงงัน ดิฉันตะลึงในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และไม่ทราบแม้แต่ว่าทำไมดิฉันถ่ายรูปนั้น ทำโดยสัญชาตญาณ สามีส่งกล้องให้ดิฉัน เขาไปเอากล้องมาเพื่อถ่ายรูปเด็กๆ ก่อนหน้าที่มันจะโผล่ขึ้นมา เขาไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป จนกระทั่งเขากลับมา เขาส่งกล้องให้ดิฉัน เขาจะได้ช่วยพยุงดิฉันขึ้นไปบนฝั่ง ดิฉันตัวสั่นไปหมด ดิฉันย่อเข่าลง หยิบกล้องขึ้น ดิฉันถ่ายรูปหนึ่งและวางกล้องลง คุณจะถ่ายอีกรูปก็ได้ ค่ะ แต่ดิฉันต้องการดูมัน ความคิดจิตใจของดิฉันพยายามหาเหตุผลในสิ่งที่เกิดขึ้น และดิฉันพยายามคิด มันเป็นอะไรนี่ มาถึงจุดที่คุณไม่สามารถหาเหตุผลในตัวเอง คุณยืนตะลึง มีอย่่างอื่นอีกไหมครับ มีคำถามที่คุณได้ยินประจำไหมครับ คนที่สัมภาษณ์คุณส่วนใหญ่เชื่อตามวิวัฒนาการใช่ไหมครับ ใช่ค่ะ คุณรู้สึกอย่างไรครับ คุณไม่ชอบ ผมเห็นด้วย 100% ครับ ผมขอขอบคุณที่อนุญาตให้ผมใช้รูปของคุณ ผมติดรูปนั้นในโปสเตอร์ สวยมากค่ะ ผมมีรูปจากหลายๆคน แรงจูงใจของผมคือ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นพระวจนะของพระเจ้า นี่ครับรูปของคุณแซนดี้ คุณปรากฎในรายการโชว์ นิตยสารต่างๆ ฯลฯ คุณอยู่ที่นี่ วินเชสเตอร์ นานเท่าไรแล้วครับ ยี่สิบปี ยี่สิบปี คุณไม่สนใจจะเป็นคนดัง โดยการถ่ายรูปเจ้าแชมป์หรือครับ ไม่ค่ะ จริงแล้วดิฉันไม่อยากตีพิมพ์ด้วยซ้ำไป ดิฉันเก็บมันเป็นความลับสองปี หลังจากนั้นดิฉันขอให้พวกเขาเก็บมันอยู่ในวงการวิทยาศาสตร์ สื่อสารมวลชนบังคับให้ดิฉันต้องตีพิมพ์ เพราะพวกเขาโทรมา และยืนกรานว่า ถ้าดิฉันเคยเห็นมันจริงๆ ดิฉันจึงถูกบีบบังคับให้ต้องตีพิมพ์ นั่นคือสาเหตุว่า ทำไมดิฉันต้องจดลิขสิทธิ์รูปนั้น ดิฉันจะได้ควบคุมและปกป้องได้บ้าง พวกเขาต้องขออนุญาตดิฉันในการใช้รูปนั้น นั่นฉลาดมากครับ คนถามผมว่า "ถ้ามีสัตว์พวกนี้จำนวนมาก ทำไมเราไม่มีรูปมันมากกว่านี้" ผมถามเขาว่า"คุณเคยเห็นอุบัติเหตุรถชนไหม" พวกเขาตอบ"แน่นอนสิ" ผมพูด"ให้ผมดูรูป ขณะที่มันกำลังเกิดขึ้นซิ" คุณไม่เคยเห็นรูปอุบัติเหตุรถชนขณะที่มันเกิดขึ้น แต่มีอุบัติเหตุรถชนเกิดขึ้นเป็นพันๆครั้ง มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในสองสามวิินาที และคุณไม่นึกที่จะถ่ายรูปจนสายไปแล้ว บางทีคุณอาจจะช่วยให้ผมติดตามข้อมูลได้ ช่วยส่งข้อมูลมาให้ผม เพราะว่าคงมีคนมาหาคุณตลอดเวลาเและบอกว่า "ผมหรือดิฉันได้เห็นมัน" ผมอยากเก็บข้อมูลในเรื่องนั้น ช่วยส่งรายการข้อมูลมาให้ผม แน่นอนค่ะ (ดร.โฮวินด์สัมภาษณ์คุณแซนดี้ แมนซี่ต่อไป) นี่เป็นรูปแชมป์บนฝาผนัง กรุณาบอกผู้ชมเกี่ยวกับสุภาพบุรุษอาวุโสที่มาและดูรูปสิครับ ดิฉันกำลังยืนอยู่ที่นี่ตรงเค้าน์เตอร์ มีสุภาพบุรุษสูงอายุท่านหนึ่งเดินเข้ามา เขาจ้องรูปนั้น และก็จ้อง แล้วถามดิฉันว่านั่นเป็นที่ไหน ดิฉันบอกเขาว่า นั่นเป็น"แชมป์"ในทะเลสาบแชมเพลน เขาบอกดิฉันว่า เขาไม่เคยบอกใครเรื่องนี้และเขาอายุแปดสิบกว่า เขาบอกว่าเขามีอายุแปดสิบเก้าหรือแปดสิบเจ็ด เขาบอกดิฉันว่า เมื่อเขายังเป็นหนุ่ม เขาได้ไปตกปลากับคุณปู่เขาที่ทะเลสาบแชมเพลน ในบริเวณอ่าวบูลวักกา เขาเติบโตมาที่ทะเลสาบหรือเปล่าครับ ใช่ค่ะเขาโตมาที่ทะเลสาบ เขาและคุณปู่ออกไปตกปลา และสัตว์ประหลาดใหญ่ตัวนี้ได้โผล่ออกมาจากน้ำ คุณปู่บอกเขาว่า นั่นคือเจ้าแชมป์ และไม่ให้เขาไปบอกใคร เพราะคนอื่นจะหัวเราะและคิดว่าพวกเขาเสียสติ ตลอดหลายปีมานี้ เขาไม่เคยบอกแม้แต่คนเดียว ดิฉันเป็นคนแรกที่เขาบอก เขากล่าวกับดิฉันว่า "ผมไม่เสียสติและคุณปู่ผมไม่เสียสติ เราเห็นไดโนเสาร์เป็นๆ ยังมีลมหายใจอยู่" ดิฉันสุขใจอย่างนี้เลย สรรเสริญพระเจ้า ครับมีพยานเพิ่ม แน่นอนค่ะ มีคนอื่นที่เคยเห็นมัน มาหาคุณและบอก ใช่ค่ะ ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งเพราะนั่นแสดงว่าดิฉันไม่ได้เสียสติ ดิฉันไม่ได้กุเรื่อง นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันเห็น และนี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเห็น พวกเราทุกคนเห็นอะไรบางอย่าง บางทีสักวันหนึ่งทะเลสาบจะยอมเปิดเผยความลับนั้น ขอพวกเราอย่าฆ่ามันเลย อย่่าฆ่ามัน ขอบคุณมากครับ คุณมีลูกค้ารออยู่ ผมให้คุณไปละครับ (วิดิิโอต่อไปนี้ถ่ายทำโดยคุณลี สมิธ หันหน้าเข้าหาทะเลสาบแชมเพลน จากด้านมลรัฐนิวยอร์ก) หยุดชั่วคราว (เริ่มวิดิโอ ตอนแรกยังไม่มีเสียง) มันเป็นปลาฉลาม! มันมีอะไรสีขาวๆบนตัวด้วย มันแยกออกมาจากปลาฉลามแล้ว กำลังขึ้นมาจากน้ำ เฮ้ มันลงน้ำไปแล้ว มันตามปลาฉลามไป มันลงไปตรงนั้นครับพ่อ ดูในกล้องส่องทางไกลซิ อะไรนะ ลองดูในกล้องส่องทางไกลซิ มันเป็นปลาฉลามหรือเปล่าครับ ไม่ลูก มันไม่ใช่ปลาฉลาม มีอะไรสักอย่างขึ้นมาที่นั่น ผมเห็นมันครับพ่อ ใช่แล้ว มันลงไปแล้วละ พ่อคิดว่าเราได้เห็นเจ้า"แชมป์" แชมป์คืออะไรครับพ่อ สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบแชมเพลน แต่ตอนนี้มันไปแล้วละเคลย์ตัน พ่อไม่น่าจะมองผ่านกล้องส่องทางไกลนานขนาดนั้น พ่อน่าจะไปเอากล้องถ่ายรูป มันคงจะลงไปแบบเดียวกับที่มันมา มันเริ่มตั้งแต่ตรงโน้นมา มันเพิ่งจะผ่านทุ่นอันนั้นเมื่อเรือใบนั้นแล่นผ่านไป ผมทราบครับ พ่อมองผ่านกล้องส่องทางไกล นึกว่ามันเป็นแค่ท่อนซุง มันไปไกลจากทุ่นอันนั้นจนถึงแผ่นดิน แล้วมันก็ดำลงไปตรงนั้น (จบวิดิโอของคุณลี สมิธ เริ่มวิดิโอทางวิทยาศาสตร์) นี่เป็นปลาหมึกยักษ์สปีซี่ส์อาร์คิเทธิส ดั๊กซ์ มันมาเกยฝั่งวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ.1979(พ.ศ.2522) ใกล้เกาะเบรนาร์ด โคเนอร์ส ที่อ่าวบอน วิสตาในนิวฟาวด์แลนด์ มันเป็นปลาหมึกเพศเมียยังไม่โตเต็มวัย จัดเป็นตัวเมียที่มีขนาดเล็ก แต่เป็นปลาหมึกยักษ์สปีซี่ส์หนึ่ง ผมเชื่อว่าปลาหมึกยักษ์โตได้ถึงประมาณ 150 ฟุต(46 เมตร) ถ้าปลาหมึกตัวนี้ยาว 20 ฟุต (6 เมตร) ก็จะเป็นเกือบแปดเท่าของตัวนี้ นั่นปลาหมึกใหญ่ครับ (เทปบันทึกต่างๆของผู้ที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดในทะเลด้วยตนเอง) ในค.ศ.1976(พ.ศ.2519) 30 ไมล์(50 ก.ม.) จากจุดลิซาร์ด ในคอร์นวอลล์ ชาวประมงสองคน คุณจอร์จ เวนิกัน และคุณจอห์น ค็อกซ์ได้พบกับสัตว์ประหลาด มันเข้ามาถึง 30 ไมล์นอกชายฝั่ง ประมาณ 25-30 ไมล์(45-50 ก.ม.)จากชายฝั่ง ผมเห็นสิ่งที่ผมนึกว่าเป็นเรือคว่ำ เราได้ไปสำรวจ เมื่อเราเข้าไปใกล้ เราจึงเห็นว่ามันไม่ใช่เรือคว่ำ มีคนเคยเห็นมันมาก่อน สีมันมืดมาก มีสิ่งที่คล้ายโหนกอยู่บนหลัง มันยาว 15 - 18 ฟุต(4 - 5 เมตร) และสูงขึ้นมาประมาณ 3 ฟุต(1 เมตร)เหนือน้ำ วันนั้นเป็นวันสงบนิ่ง ไม่มีอะไรรบกวนผิวน้ำในทะเลเลย เราเข้าไปใกล้ขึ้น ผมนั่งอยู่ทางท้ายเรือ มันยกตัวขึ้นเหนือน้ำ มันห่างจากท้ายเรือแค่ 3 ฟุต(1 เมตร) มันยื่นหัวขึ้นมาเหนือน้ำ ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน ตลอด 40 ปีที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับทะเล มันค่อยๆลดตัวลงไปในน้ำและหายตัวไป หลังจากที่เราได้คุยกัน สิ่งเดียวที่เราคิดได้ ก็คือว่ามันดูคล้ายสัตว์ก่อนประวัติศาสตร์มาก เราจะเปิดสายให้คนโทรเข้ามานะครับ คุณเทเรซา คุณสบายดีไหมครับ ดิฉันสบายดีี ขอบคุณค่ะ วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่องโอโกโพโก หลายคนแถบนี้ได้เห็นมัน เรื่องนั้นได้เล่าขานกันมาหลายปี และเราจะคุยกับผู้เชี่ยวชาญกันด้วย คุณอาร์ลีน กัลล์เข้ามาแล้วครับ คุณอาร์ลีนได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ เดี๋ยวเราจะคุยกับคนที่โทรเข้ามาเลยนะครับ สายหมายเลขสอง สวัสดีครับคุณพาดริดจ์ พูดได้เลยครับ คุณอยากรู้เรื่องโอโกโพโก แน่นอนครับ ผมเคยขับแท็กซี่ ครั้งหนึ่งผมพาผู้โดยสารไปโรงพยาบาล ผมขับมาตามถนนแอ็บบอทท์ มาถึงที่นี่ ผมมองไปที่ทะเลสาบ ผมประหลาดใจ ผมเห็นสิ่งนี้ออกมาจากน้ำ มีหัวเหมือนม้า มีอะไรคล้ายเขาอยู่บนหัว ตัวใหญ่มหึมา ยืดตัวสูงอยู่ที่นั่น เหมือนงูตัวใหญ่มาก ชายคนหนึ่งมาข้างหลังผม ถาม"คุณดูอะไรอยู่หรือ" "ผมเห็นโอโกโพโกตรงนั้น" เขาถาม"ตรงไหน ตรงไหน" "ตรงนั้น"ผมตอบไป ผมเปิดประตูรถ ผมก้าวออกจากรถนิดหนึ่ง มันเลื่อนตัวหายลงไปในน้ำ เขาพูด "ดูคลื่นใหญ่นั่นสิ" ตอนนั้นเราเห็นแต่คลื่นใหญ่ ลงไปตรงนั้น ใกล้กับท่าปล่อยเรือ แล้วคลื่นก็หายไป ผมตื่นเต้นมาก ผมกลับเข้ารถ ขับไปที่โรงแรมวิลโลว์อินน์ พวกเขารับประทานอาหารเช้าอยู่ "ผมเพิ่งไปเห็นโอโกโพโกมา!" พวกเขาพูด"แกไปดื่มอะไรมาหรือ" สายหมายเลขสี่ พูดได้เลยครับ สวัสดีค่ะคุณจอห์น คุณเป็นอย่างไรครับ ไม่เลวค่ะ คุณจะบอกชื่อคุณไหมครับ ไม่ค่ะ ดิฉันไม่บอก สี่ปีมาแล้ว ดิฉันเห็นโอโกโพโกนอกฝั่งคลาร์เส็น คุณไม่อยากบอกชื่อคุณออกอากาศหรือครับ ไม่ ดิฉันไม่อยาก คุณบอกคนอื่นๆเรื่องนี้ใช่ไหมครับ ใช่ค่ะ คุณเกรงว่าคนอื่นๆจะคิดว่าคุณไม่เต็มเต็งหรือครับ มีโทรประหลาดๆมาหาดิฉัน ผมได้รับโทรศัพท์อย่่างนั้นทุกวัน เขาถึงจ่ายผมทำงานนี้ครับ แต่เขาไม่ได้จ่ายดิฉันค่ะ ดิฉันไม่ต้องการอย่างนั้นอีกต่อไป ขอบคุณค่ะ ตอนนั้นเราไปปิกนิกที่ชายหาด ลูกสาวดิฉันกำลังนั่งอยู่บนชิงช้า เมื่อดิฉันเห็นเจ้าสัตว์นั้นใต้ท่าเรือใหญ่ เมื่อดิฉันหันไปเห็นและตระหนักว่ามันเป็นโอโกโพโกที่เล่าลือกัน ดิฉันก็ตกใจกลัว ดิฉันรีบคว้าลูกและวิ่งไปที่ชายหาด ดิฉันว่าดิฉันตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่า "นั่นมัน!" ลูกของดิฉันก็กรีดร้องเสียงดังลั่น ดิฉันไม่อยากเชื่อเลย หน้าเธอแดงก่ำมาก เจ้าสิ่งนั้นกำลังจับปลาอยู่หรืออะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ที่นั่นสักพัก แล้วมันก็เหยียดตัวตรงไป มันไปตามแนวเสาเหล่านั้น ขณะที่มันผ่านไปนั้น หนอกสามอันของมันก็ปรากฎให้เห็น มันยาวตั้งแต่เสาหนึ่งจรดเสาสุดท้าย สามหนอกแยกออกเป็นระยะเท่าๆกัน มันล่องไปตามชายหาด จนมาถึงมุมสุด แล้วมันก็หันตัว แล้วว่ายตัดตรงออกทะเลสาบไป ตอนนี้เราพักจากสายโทรเข้าก่อนนะครับ ขอแนะนำผู้ที่โด่งดังในหุบเขาโอคานากัน คุณอาร์ลีน กัลล์ ซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับโอโกโพโก สวัสดีครับคุณอาร์ลีน สวัสดีค่ะคุณจอห์น สวัสดีค่ะคุณเทเรซา คุณเก็บรายงานการเห็นโอโกโพโกกี่รายงาน เป็นร้อยๆค่ะ รายงานการเห็นครั้งแรกเมื่อไร ค.ศ.1852(พ.ศ.2395) รายงานการเห็นที่มีบันทึกหลักฐานครั้งแรก ค.ศ.1852(พ.ศ.2395) ตอนนี้ค.ศ.1980(พ.ศ.2523) เราจะตีความว่ามีโอโกโพโกมากกว่าหนึ่งตัวหรือเปล่าคะ แน่นอนค่ะมากกว่าหนึ่งตัว มีการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ดิฉันคิดว่าในค.ศ.1968(พ.ศ.2511) เมื่อคุณเห็นมันต่อหน้าต่อตา ค่อนข้างยากที่จะไม่เชื่อค่ะ เช้านี้คุณช่วยบอกพวกเราเรื่องภาพยนตร์นั้นหน่อยสิคะ ภาพยนตร์ของโฟลเด็น ถ่ายทำในค.ศ.1968(พ.ศ.2511) โดยคุณอาร์ท โฟลเด็น หลังจากที่เขาได้ท่องเที่ยว เขากำลังกลับบ้านที่เชส เมื่อเขาเข้าไปใกล้แนวถ่านหินเลน เขาสังเกตเห็นวัตถุหนึ่งในทะเลสาบ เขากล่าวกับภรรยาว่า"ดูนั่น โอโกโพโกอยู่ตรงนั้น" เธอหัวเราะใส่เขา เขาออกไป เริ่มถ่ายภาพยนตร์สัตว์นั้น สิ่งที่เราเห็นในภาพยนตร์นั้นเป็นสัตว์ใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ มันขึ้นมาที่ผิวน้ำและดำลงไปด้วยความเร็วต่่างๆ ณ เวลาต่างๆกัน มันโชว์ด้วยว่าสัตว์นี้ออกตัวด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดร่องรอยใหญ่มากบนผิวน้ำ นี่คือส่วนที่ดิฉันชอบมากในภาพยนตร์ เพราะคุณเห็นเจ้าสัตว์นั้น ผลักน้ำออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งร่องรอยใหญ่มากบนผิวน้ำ ทำให้เกิดคลื่นมหึมา ดิฉันคิดว่านี่น่าเชื่อถือได้ มีรายงานการเห็นเมื่อไม่นานมานี้ไหมครับ ปีนี้มีคนรายงานว่าเห็นมันประมาณเจ็ดถึงแปดครั้งแล้ว มีรายงานหนึ่งเป็นรายงานที่ดีที่สุด ทำไมครับ ครอบครัวรีเกอร์รายงานมา วันนั้นบรรยากาศดีมาก น้ำสงบเรียบราวกับผิวแก้ว ผมมองไปที่ทะเลสาบ และผมเห็นคลื่นใหญ่กำลังตรงมา ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจมาก แต่มันขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมก็คิด ทำไมถึงมีคลื่นมา ทั้งที่ไม่มีลมหรืออะไรสักอย่าง ผมจึงเรียกลูกชาย "มานี่ซิ มาดูนี่" ดูนี่ซิ อะไรมันกำลังมาในทะเลสาบ เขาดูแล้วก็บอก"ว้า ผมไม่รู้สิ" ผมเลยเรียกหลานชายมาดูด้วย เขาบอก"ปู่ นั่นตัวโอโกโพโก" มันคงจะชนเราไปแล้ว ถ้าเราไม่ได้เอาเรือหลีกไปด้านข้าง เราติดตามมันไปข้างๆ ประมาณ 15-20 นาที ผมประมาณว่่า สัตว์ประหลาดนั้นยาว 14-16 ฟุต (4-5 เมตร) ประมาณสามฟุตอยู่เหนือน้ำ มันมีหนอกค่อนข้างใหญ่บนไหล่หน้า และมีหนอกหนึ่งข้างหลังบนหางมัน ผมประมาณว่าหางมันยาว 30-40 (9-12 เมตร) หรือ 50 ฟุต ผมไม่เห็นว่าหางมันสุดตรงไหน แต่มันมีหางยาว มีสี่ขา ผมประมาณว่ามันหนักถึง 30 ตัน มันย้ายหัวไปมาซ้ายขวา เหมือนกับว่ามันกำลังมองหาปลา หาอาหาร หรืออะไรทำนองนั้น มันกวนน้ำปริมาณมหาศาลมาก ถ้าผมไม่เห็นกับตา ผมไม่มีวันเชื่อหรอก จริงแล้วผมไม่แคร์ว่าคนเชื่อผมหรือไม่ ผมเห็นสัตว์นั้นและผมรู้ว่ามันอยู่ที่นี่ ผมรู้ว่ามันเป็นสัตว์ใหญ่มหึมา มันเป็น"ปลาสัตว์ประหลาด" ผมไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี แต่มันยาวถึง 30-35 feet (9-11 เมตร) หัวมันยื่นออกมาจากน้ำ คุณเห็นการส่ายหางเหมือนแส้ของมันได้ คลื่นนั้นไปไกลกว่าหางมันมาก ผมถ่ายรูปมันมาสองรูป คุณบอกว่าโดยคร่าวๆมันดูเหมือนรูปนี้ ต่างตรงไหนครับ คล้ายกับรูปนี้ แต่ิผมไม่สามารถเห็นครีบด้านข้างได้ มันเป็นปลาหรืออะไรก็แล้วแต่เหมือนรูปนี้ แต่ครีบข้างไม่ได้ออกมาให้เห็น คุณเห็นได้แค่หัว คอ และส่วนบนของลำตัว นี่ผมเค๊นท์ โฮวินด์จากเพ็นซาโคล่า ฟลอริด้า ตอนนี้ผมอยู่ในแคนาดา ที่โปรแกรม 100 ถนนฮันท์ลี่ย์ หลายปีมาแล้ว ผมคิดว่าค.ศ.1994(พ.ศ.2537) เมื่อผมมาที่โปรแกรม ผมนำหนังสือ"ไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่" ของดร.รอย แม็กคัลมาด้วย คุณคาล ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆผมขณะนี้ บอกผมว่่า"ขณะที่ผมอยู่ในแอฟริกา ผมเห็นสัตว์คล้ายอย่างนั้น ไดโนเสาร์" ผมเปิดไปที่หน้า 256 ในหนังสือของรอย แม็กคัล และคาลคุณบอกว่า"ผมเคยเห็นมัน!" ช่วยบอกคนที่นี่ ว่าคุณเห็นอะไร และตอนนี้คุณทำงานอยู่ที่ไหน ถ้าเขามีคำถาม เขาจะติดต่อคุณได้ไหม ช่วยบรรยายสิ่งที่คุณเห็น มันเป็นประสบการณ์ที่ตื่นใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม ตอนนั้นประมาณค.ศ.1963(พ.ศ.2506) ผมกำลังใช้เส้นทางเก่าในเคนยา เดินทางกลับไปไนโรบีเพื่อไปเอารถ ผมใช้รถเชฟโรเลท์รุ่นเก่าซึ่งเกือบใหญ่กว่าถนน ถนนมีหลุมบ่อเต็มไปหมด ผมเลยขับค่อนข้างช้า ตรงนั้นเป็นชนบทเนินเขาใกล้กับมูโฮโรนี อยู่ในหุบเขาริฟท์ แต่เป็นส่วนที่เป็นเนินของหุบเขา ขณะที่เรากำลังขึ้นมาบนยอดเนิน อ้อ ภรรยาผมไปด้วยครับ ทันใดนั้นมันก็ปรากฎต่อหน้าเรา นอนขวางถนน ยาว 7, 8 หรือ 9 ฟุต(2-3 เมตร) ตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นจระเข้ แล้วผมก็นึกได้ว่่าไม่มีทางเป็นไปได้ แถบนี้เป็นส่วนที่แห้งของประเทศนี้ ขณะที่เราดูมัน เราชะลอรถลง จริงแล้วผมหยุดรถและนั่งดูมันประมาณ 10 นาที ขณะที่ผมดูมัน คำว่า"ก่อนประวัติศาสตร์"เข้ามาในความคิดผม ผมพูดเลย"นี่ไม่ใช่ความจริง" ผมเคยเห็นรูปทำนองนี้ แต่ไม่ค่ีอยคล้ายตัวนี้นัก จากหางของมันขึ้นไปจรดด้านหลังหัว มีสันเป็นแนว สันเป็นรูปสามเหลี่ยมสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่หัวจรดหาง และมันได้แต่นอนต่ำบนพื้นถนน ดูเหมือนมันกำลังผึ่งแดด ผมจึงนั่งดูเจ้าสิ่งนั้นเป็นเวลาสิบนาที ผมฉุนตัวเองมากที่ไม่มีกล้องติดตัววันนั้น ผมหวังว่าผมมีกล้อง แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่เคยเห็นอะไรอย่างนั้นมาก่อนหรือนับจากวันนั้นเลย ผมถามคนอื่นๆ และผมไปที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งธรรมชาติ ผมถาม "คุณเคยเห็นหรือได้ยินอะไรทำนองนี้ในเคนยาไหม" พวกเขากล่าว "ไม่ิเลย ไม่มีอะไรอย่างนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน" ผมกล่าว "ผมเห็นสัตว์ลักษณะอย่างนี้ั" ผมโต้แย้งอย่างเอาจริงเอาจังกับพวกเขาอยู่สักพัก พวกเขากล่าว "ต้ิองเป็นเรื่องจินตนาการของคุณแน่ๆ" แต่ทั้งผมและภรรยาเห็นมัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เผื่อใครเคยเห็นอะไรอย่างนั้น ไม่มีใครเคยเห็น นับจากวันนั้นผมก็ไม่เห็นเช่นกัน แต่วันนั้นมันนอนอยู่ตรงนั้นที่ข้างถนน หลังจากสิบนาที มันได้ยืนขึ้น แต่ไม่ได้ยืนสูงเท่าในรูปวาดนี้ มันเดินเตร็ดเตร่ไปสู่พื้นที่แห้งมากของแถบนั้น ในบริเวณที่เป็นพุ่มไม้ มันลุกออกไป ผมและคุณมาเรียนได้แต่มองหน้ากัน สงสัยว่ามันเป็นตัวอะไร มันมีสีอะไรครับ ออกสีเทาฝุ่น คุณเห็นตามันไหมครับ ครับ มันกะพริบตา จริงแล้วมันหันหัวมามองพวกเรา มันท่าทางไม่กลัวเรา คุณบอกได้ไหมครับว่ารูม่านตามันเป็นรูขีดหรือเป็นวงกลม ผมคิดว่าผมไม่ได้เข้าใกล้พอ ปลายจมูกล่ะครับคล้ายจมูกจระเข้ไหม ผมประมาณว่าคล้ายจมูกจระเข้มากกว่าจมูกฮิปโป มันมีหน้ายาว ชาวแอฟริกันบางคนที่ผมถาม กล่าวว่ามันเป็นตะกวดผู้เฝ้าดู (หรือตะกวดโคโมโด) ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ผมเคยเห็นตะกวดผู้เฝ้าดูหลายตัว ผมไม่เคยเห็นสักตัวที่ยาว 9 ฟุต(3 เมตร) ไม่มีสักตัวที่ยาวอย่างนั้น ผมฆ่าตะกวดผู้เฝ้าดูสองตัวโดยบังเอิญเพราะมันมาชนรถผม ผิวหนังมันเรียบ ไม่มีสันพวกนั้นบนหลัง เมื่อผมเห็นมัน ผมรู้ว่ามันเป็นตะกวดผู้เฝ้าดู นี่ไม่ใช่ตะกวดผู้เฝ้าดู เจ้าสิ่งนี้มีสันเหล่านั้นอยู่บนหลัง คุณบอกได้ไหมครับว่าผิวหนังมันเรียบหรือมีเกล็ด มันดูตะปุ่มตะป่ำ คล้ายตะโขง ด้านข้างมัน ผมคิดว่ามันไม่มีเกล็ด ผมไม่แน่ใจข้อนี้นะครับ มันนานหลายปีมาแล้ว นี่เป็นค.ศ.1997(พ.ศ.2540)แล้ว ผมเข้าใจครับ ผมกล่าวมานานหลายปีว่า ยังมีไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งแรกที่คุณคิดก็คือ ก่อนประวัติศาสตร์ หรือครับ ผมถูกกำหนดเงื่อนไขมา ด้วยการศึกษาทั้งหมดที่ผมได้รับจนถึงจุดนั้น ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันไม่ใช่ไดโนเสาร์ นั่นคือสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่คิด ผมคิดว่ามันต้องเป็นตะกวดชนิดหนึ่ง เพราะพวกมันมีทุกขนาด ตั้งแต่ตุ๊กแก จนตัวใหญ่ถึงตะกวดผู้เฝ้าดู คุณทำงานที่นี่ ณ เลขที่ 100 ถนนฮันท์ลี่ย์ เบอร์โทรที่นี่เบอร์อะไรครับ ถ้าเขามีคำถามเขาจะได้โทรมาและถามหาคุณคาล บอมเบย์ เบอร์โทรผม 1-905-335-7100 ต่อหมายเลข 3206 โทรมาหาเขานะครับ ถ้าคุณไม่เชื่อเรื่องนี้ ผมเห็นมัน เมื่อผมเห็นรูปนี้ ผมคิด "นี่คือสิ่งที่ผมเห็น" เดี๋ยวให้เขาซูมเข้ามาที่รูปนี้เลยนะครับ แล้วเราจะจบการสัมภาษณ์ตรงนั้น ถ้าคุณมีคำถาม ผมยินดีช่วยตอบครับ โทรมาหาเราได้ ถ้าคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับไดโนเสาร์มากกว่านี้ แจ้งให้เราทราบ และเรายินดีที่จะส่งวิดิโอเกี่ยวกับ การเนรมิตสร้างของพระเจ้า วิวัฒนาการ และไดโนเสาร์ นั่นคือสิ่งที่คุณเห็นวันนั้นในค.ศ.1962(พ.ศ.2505)ใช่ไหมครับ ครับ มันเป็นสิ่งที่คล้ายไดโนเสาร์ที่สุดที่ผมเคยเห็นมา ภราดร ขอบคุณมากครับ ผมขอบคุณที่ได้สละเวลาและขอพระเจ้าอวยพระพรคุณนะครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ ผมหวังว่าคุณชอบชมวิดิโอชุดนี้ เกี่ยวกับการเนรมิตสร้างของพระเจ้า วิวัฒนาการ และไดโนเสาร์ แต่สำคัญยิ่งกว่าการทราบความจริง และข้อมูลทั้งหมดทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ การทราบว่าคุณจะได้ไปสวรรค์หรือไม่ ถ้าคุณไม่เคยมอบความไว้วางใจในพระคริสต์ ให้เป็นผู้ช่วยให้รอดของคุณ ผมขออธิบายสั้นๆ สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อจะได้ไปสวรรค์ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า เราทุกคนเป็นคนบาป เราทุกคนละเมิดพระราชบัญญัติของพระเจ้า เราไม่เชื่อฟังองค์พระผู้สร้าง เราทำสิ่งที่ชั่วร้าย เราเป็นคนบาป บางคนเลวร้ายกว่าคนอื่นในสายตาของมนุษย์ครับ แต่เราทุกคนได้ละเมิดพระราชบัญญัติของพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า คุณต้องกลับใจเสียใหม่ คำว่ากลับใจหรือหันกลับ มีความหมายสองอย่าง หันหลังให้กับความบาปและัหันหน้ามาหาพระเจ้า พระเจ้าทอดพระเนตรทัศนคติที่เปลี่ยนไปของคุณ เมื่อคุณกล่าวว่า "พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่ต้องการทำผิดบาปอีกต่อไป ข้าพระองค์เสียใจที่ข้าพระองค์ได้ล่วงเกินพระองค์ ข้าพระองค์ต้องการทำสิ่งที่ถูกต้อง" และคุณหันหลังให้กับความบาป พร้อมกับหันมาหาพระเจ้า และกล่าวว่า "พระเจ้า โปรดยกโทษข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้รอด" พระคัมภีร์กล่าวไว้ในพระธรรมโรมบท 3 วรรค 23 "เหตุว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า" คุณต้องยอมรับว่าคุณเป็นคนบาป ข้อสองนะครับ พระคัมภีร์กล่าวไว้ในพระธรรมโรม 6:23 ว่า "เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย" เราสมควรที่จะตายและไปลงนรกเพราะความบาปของเรา แต่พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อคุณ พระองค์ทรงรักคุณ พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้คุณได้มาสวรรค์ และผู้ใดที่ขอความช่วยให้รอดจากพระองค์ พระเจ้่าจะพระราชทานชีวิตนิรันดร์ พระธรรมโรม 6:23 กล่าวไว้ เป็นของพระราชทานฟรีๆครับ พระธรรมโรม บท 10 วรรค 13 กล่่าวว่า "ผู้ใดที่จะร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะรอด" ถ้าคุณจะร้องเรียกหาพระองค์และกล่าวว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เป็นคนบาป โปรดยกโทษข้าพระองค์" ขอจากพระองค์ พระองค์ก็จะพระราชทานของขวัญฟรีนั้น คือชีวิตนิรันดร์ อธิษฐานพร้อมกับผมตอนนี้เลยนะครับ เพื่อที่คุณจะได้รับพระคริสต์เป็นผู้ช่วยให้รอดของคุณ ไม่มีคาถาวิเศษใดๆ พระเจ้าทอดพระเนตรที่ในใจคุณ ถ้าคุณกล่าวตามนี้และหมายความอย่างนั้นจริงๆ พระเจ้าจะทรงยกโทษให้คุณ เพียงกล่าวว่า "ข้าแต่พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทราบว่าข้าพระองค์เป็นคนบาป ข้าพระองค์ได้ล่วงละเมิดพระราชบัญญัติของพระองค์ ข้าพระองค์เสียใจ โปรดยกโทษข้าพระองค์ ขอพระโลหิตของพระองค์ใช้หนี้ความบาปของข้าพระองค์ โปรดยกโทษความบาปของข้าพระองค์ และทรงนำข้าพระองค์ไปสวรรค์ ในพระนามของพระเยซู เอเมน" พระคัมภีร์กล่าว "ผู้ใดที่จะร้องเรียกหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จะรอด" ถ้าคุณได้ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าช่วยให้คุณรอด พระองค์ทรงสัญญาว่า พระองค์จะช่วยให้คุณรอด ตอนนี้หน้าที่ของคุณก็คือเติบโต อ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล อธิษฐาน รับใช้พระเจ้าในโบสถ์ที่เชื่อในพระคัมภีร์ และเริ่มเติบโตเป็นคริสเตียนที่ดีต่อไป ขอบคุณมากครับ โทรหรือเขียนมาหาเราได้ ถ้าเราช่วยอะไรคุณได้ เรายินดีที่จะช่วยเหลือ ต่อไปนี้คุณจะได้ฟังบันทึกเทป เสียงคำรามของสัตว์นั้นในบึงคองโก คนพื้นเมืองเรียกว่า โมเคอเล อัมเบ็มบี่ มันเป็นหนึ่งในบรรดาไดโนเสาร์ไม่กี่ชนิดที่ยังมีชีวิตอยู่ มันมีเสียงตีหรือตบแผ่นครีบ เมื่อใกล้จะจบการคำรามแต่ละครั้งด้วย บางคนเดาว่านี่คล้ายกับสิ่งที่ตุ๊กแกทำ มันทำเสียงคำรามน้อยๆด้วยแผ่นหนังใต้คอ ซึ่งย้อนตบกับคอมัน ทำเสียงปรบๆ นี่คือเทปสุดยอดที่เรามีอยู่ บอกผมด้วยถ้าคุณมีมากกว่านี้ สนุกกับการฟังนะครับ คำราม!! สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและวัสดุอื่นที่ Creation Science Evangelism เสนอนั้น เขียนถึงพวกเราที่ Creation Science Evangelism, P.O. Box 37338, Pensacola, FL. 32526 USA โทรหาเราที่ 1-850-479-3466 หรือเยี่ยมชม CSE ทางอินเตอร์เน็ตที่ www.drdino.com - [Ed.13.5]